ในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) - TopicsExpress



          

ในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนาง มีเจ้าเมืองและซามูไรที่มีอำนาจลดหลั่นกันไป ประชาชนทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าเมืองแบบไม่มีเงื่อนไข ช่วงที่ญี่ปุ่นถูกภัยแล้งคุกคามนานหลายปี เจ้าเมืองได้ออกกฏหมายขึ้นมาข้อหนึ่งว่า หากครอบครัวไหนมีพ่อแม่ที่อายุเกิน70ปี ลูกต้องนำพ่อแม่ไปทิ้งบนเขา มิฉะนั้นจะถูกประหาร เพราะถือว่าคนสูงวัยถึงเพียงนั้นเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นภาระ ในทางตรงกันข้าม การตายเพื่อให้ลูกหลานได้อยู่ต่อนับเป็นการตายที่มีเกียรติสูงยิ่ง ภูเขาสูงหลายแห่งจึงกลายเป็นหลุมฝังศพคนแก่ ขึ้นไปสองคน แต่กลับลงมาหนึ่ง ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้เรื่อยมา ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาเหล่านี้ว่า "อุบะสุเทะ" ("อุบะ" แปลว่า คนแก่ "สุเทะ" แปลว่า ทิ้ง) ...และแล้วก็ถึงวันที่แม่ของ"เขา"อายุครบ70ปี เช้าวันนั้นเขาจัดเตรียมข้าวเป็นเสบียง เตรียมสานตระกร้าสำหรับใส่แม่ เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังและออกเดินทางไปยังภูเขา ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจดจ่อกับการปีนเขาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แม่ผู้ชราก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกทีๆ นางเกิดความกลัวขึ้นมาว่าถ้าฟ้ามืดลูกชายอาจหลงทางอยู่บนเขาก็ได้ นางจึงเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ กิ่งแล้วกิ่งเล่าเพื่อที่ว่าหลังจากทิ้งนางไว้บนภูเขาแล้ว ลูกชายจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องจากกัน นางได้บอกลูกชายว่า "ลูกแม่ ตอนที่เราขึ้นมาบนเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทาง ตอนลงจากเขาเจ้าจงสังเกตรอยไม้ที่แม่หักไว้ ก็จะถึงบ้านโดยปลอดภัย" เมื่อลูกชายได้ยินดังนั้น ทันใดสายตาก็มองเห็นมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของแม่ เขาอดหลั่งน้ำตาออกมามิได้ และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทิ้งแม่ไว้บนภูเขาเด็ดขาด เขาอุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังพาลงภูเขา และซ่อนแม่ไว้ในยุ้งฉางเพื่อหลบสายตาจากคนภายนอก ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าเมืองก็ประกาศคำปริศนาไว้สองข้อ และบอกว่าหากใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้ ก็จะให้คนผู้นั้นสมปรารถนาหนึ่งประการ ปริศนาข้อแรกคือ ให้ฟั่นเชือกขึ้นมาจากขี้เถ้า และสองคือให้ร้อยเส้นไหมลอดผ่านเปลือกหอยสังข์ เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครแก้ปริศนาได้ ลูกชายจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง เมื่อเล่าจบแม่ก็ยิ้มแล้วสอนว่า "ลูกแม่ เจ้าจงทำตามที่แม่บอกต่อไปนี้ สำหรับปริศนาข้อแรกให้เจ้าฟั่นเชือกขึ้นมาแล้วนำไปเผาให้ไหม้เป็นถ่าน ขี้เถ้าจะคงรูป เหมือนเชือกอยู่อย่างนั้น ส่วนปริศนาข้อที่สอง ให้ผูกเส้นไหมกับขามดแล้วจับมดไปใส่ในเปลือกหอย หลังจากนั้นให้โรยน้ำตาล และจุดเทียนอีกด้านหนึ่งของเปลือกหอย เมื่อมดได้กลิ่นน้ำตาลและเห็นแสงเทียนก็จะพยายามเดินออกไปอีกด้าน" ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าคนที่แก้ปริศนาได้ แท้จริงแล้วคือหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงเกิดความเลื่อมใสในภูมิปัญญาของคนชราและตัดสินใจยกเลิกกฎให้ทิ้งพ่อแม่ตั้งแต่นั้น แม่กับลูกชายจึงใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุข ความรักของพ่อแม่เป็นสิ่งอัศจรรย์...ราวกับไม่มีอยู่จริง เพราะเป็นความรักที่มีแต่คำว่า"ให้"อย่างที่ไม่มีลูกคนไหน"ให้"คืนกลับได้อย่างเท่าเทียม การดูแลพ่อแม่ในยามที่ท่านดูแลตัวเองไม่ได้ถือเป็นการทดแทนบุญคุณของท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากใครบอกว่าไม่สามารถดูแลพ่อแม่ได้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โปรดจำเรื่องนี้ไว้เป็นคติสอนใจ ตำนานอุบะสุเทะเป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่รู้จักดี แต่คนทั่วไปอาจได้ยินเรื่องนี้จาก Ballad of Narayama ภาพยนต์ผลการกำกับของผู้กำกับอิมะมุระ โชเฮ(Imamura Shohei) ที่เล่าเรื่องราวชีวิตปีที่ 69 ย่าง 70 ของ โอริน หญิงชราซึ่งพยายามใช้ปีสุดท้ายก่อนจะถูกนำไปทิ้งบนภูเขานารายาม่า เพื่อช่วยลูกชายและหลาน จนแน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถเผชิญความทุกข์ยากแร้นแค้นได้หลังจากที่เธอตายไปแล้ว จากนิตยสาร Secret ฉบับที่ 51 ประจำเดือน ส.ค.53 หน้า 81
Posted on: Mon, 12 Aug 2013 03:54:25 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015