กินข้าวโชว์ = โชว์โง่? - TopicsExpress



          

กินข้าวโชว์ = โชว์โง่? โชว์สันดาน? ในที่สุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ใช้วิธีจนตรอกของนักการเมือง “แก้ผ้าเอาหน้ารอด”แก้ปัญหาเรื่องความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้าวถุงที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดของประชาชน ด้วยการไป “กินข้าวโชว์” ที่โรงงานข้าวตราฉัตร ของค่ายซีพี ยิ่งลักษณ์ควรจะรู้เสียทีว่าการ “แก้ผ้า”---เอาหน้ารอด,หรือให้ใครมาลอดมากหน้าหลายตา, มิใช่หนทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องและได้ผลเสมอไป 1. ยิ่งลักษณ์เป็นแค่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสารเคมีปนเปื้อนในข้าวสาร ยิ่งลักษณ์ย่อมมิใช่ “ตัวบุคคล”ที่จะรับประกันความปลอดภัยของข้าว ได้ด้วยตัวเอง 2. ยิ่งลักษณ์ลงทุนกินข้าวโชว์ครั้งนี้ “กี่คำ” ครับ ต่อให้ข้าวที่เธอกินมีสารปนเปื้อน ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะน้ำลายฟูมปาก ชักตายไปต่อหน้าต่อตา ได้ด้วยปริมาณข้าวจำนวนเท่าที่เธอกินแค่นั้น 3. ถามว่าโรงงานตราฉัตร จะจัดข้าวปนเปื้อนมาให้นายกรัฐมนตรีกินไหม? 4. อะไรจะเป็นเครื่องยืนยันว่า ข้าวที่นายกฯ เสนอหน้าไปชิมถึงโรงงาน จะเป็นมาตรฐานเดียวกันกับข้าวถุงทั่วไปที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งประชาชนซื้อมาหุงกิน 5. นายกฯ ต้องการอะไร ส่งเสริมการขายข้าวตราฉัตร?แล้วยี่ห้ออื่นๆ ล่ะครับ นายกฯ จะให้เกียรติไปชิม ไปสร้างความมั่นใจบ้างไหม หรือเพราะมิใช่สมัครพรรคพวกกัน ช่างมัน ปล่อยมัน ฉันได้กินข้าวโชว์สื่อแล้ว จบนะเรื่องนี้! 6. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค – มูลนิธิชีววิถี และศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ รายงานผลการตรวจข้าวสารถุงจำนวน 46 ตัวอย่าง พบข้าวสารถุง ร้อยละ 26.1 หรือจำนวน 12 ยี่ห้อ ไม่พบสารตกค้างทุกกลุ่ม แต่มีมากถึง 34 ยี่ห้อ หรือร้อยละ 73.9ที่พบสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ ตั้งแต่ 0.9-67 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า การเปิดเผยข้อมูลผลการทดลองในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณะและเพื่อการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการได้รับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอในการบริโภค สิทธิในการเลือกซื้อสินค้า และสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค เฉพาะการตรวจสารเคมีในข้าวสารบรรจุถุง จากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต, ยากันรา(fungicide) และสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์เท่านั้น “มีข้าวถุงจำนวน 12 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 26.1 ที่ไม่พบการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรชนิดใดๆ ได้แก่ 1.ลายกนก ข้าวหอมมะลิแท้ 100%, 2.ข้าวพันดี ข้าวขาว 100%ชั้นดีพิเศษ, 3.ธรรมคัลเจอร์ ข้าวหอมคุณภาพคัดพิเศษ, 4.รุ้งทิพย์ ข้าวขาวเสาไห้, 5.บัวทิพย์ ข้าวหอม, 6.ตราฉัตรข้าวขาว 15%, 7.ข้าวมหานคร ข้าวขาวคัดพิเศษ, 8.สุพรรณหงส์ ข้าวหอมสุรินทร์, 9.เอโร่ ข้าวขาว 100%, 10.ข้าวแสนดีข้าวหอมทิพย์, 11.โฮมเฟรชมาร์ท จัสมิน ข้าวหอมมะลิ 100%และ 12.ชามทอง ข้าวขาวหอมมะลิ 100%” ขณะที่ผลการทดสอบสารรมควันข้าว – เมทิลโบรไมด์ พบการปนเปื้อนถึง 34 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 73.9 ของจำนวนตัวอย่างที่นำมาทดสอบ ปริมาณของสารเมทิลโบรไมด์ที่พบการตกค้างในตัวอย่างที่นำมาทดสอบอยู่ที่ระดับ 0.9–67 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โดยตัวอย่างข้าวสารบรรจุถุงที่พบการปนเปื้อนสูงที่สุด คือตัวอย่าง ยี่ห้อ โค-โค่ ข้าวขาวพิมพา พบการปนเปื้อนสูงถึง 67.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (codex) ที่กำหนดไว้ให้มีการตกค้างได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม จึงเกิดคำถามว่า ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์อยากจะกินข้าวโชว์ ทำไมไม่กินยี่ห้อ “โค-โค่ ข้าวขาวพิมพา” นี้ล่ะครับ? ไปชิม ข้าวตราฉัตรทำไม? 7. และเมื่อสื่อมวลชน ถามถึงข้าวที่ปนเปื้อนสารรมควันเกินระดับมาตรฐานนี้ นายกฯ กลับขอว่า “ตรงนี้ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชน ถ้าสื่อมวลชนยังถามคำถามนี้อยู่ตลอดเวลา มันก็ไม่ไปไหน ก็ต้องเรียนว่าขอความเห็นใจจริงๆ เถอะ วันนี้แทนที่เราจะเดินข้างหน้าแล้ว แต่กลับมาคุยกันแต่ประเด็นตรงนี้ อันนี้ต้องขอความกรุณาจริงๆ” ช่างเป็นคำตอบที่สะท้อนจิตใจอันโสมม-มักง่าย ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดยิ่ง 8. เวลาตัวเองจะเอาหน้า จะสร้างภาพกลบเกลื่อนปัญหา ก็เลือกไปกินข้าวที่เขาเปิดเผยออกมาว่า ปลอดภัย แถมเป็นโรงงานของสมัครพรรคพวก แต่พอสื่อถามว่า มันมีข้าวที่อาจจะไม่ปลอดภัย วางขายให้ประชาชนเลือกซื้ออยู่โดยไม่รู้เลยว่า มีค่าการปนเปื้อนสูงเกินมาตรฐานความปลอดภัย นายกฯ จะทำยังไง หรือนายกฯ จะให้ประชาชนทำอย่างไร เธอกลับบอกสื่อว่า “อย่าถาม” 9. ตกลง นายกฯ กินข้าวปลอดภัย ส่วนประชาชนจะสุ่มเสี่ยงอย่างไร “ช่างหัวมัน” หรือจะใช้สำนวนพี่ชายเธอ คือ Let It Be “ช่างแม่มัน” อย่างนั้นใช่ไหม? 10. สื่อเขาต้องถามครับ และนายกฯ ก็ต้องตอบด้วยครับ มันเป็น “หน้าที่” ของทั้งสองฝ่ายครับ ลำพังความเป็น “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คุณอยากจะก้าวไปข้างหน้าก้าวเข้าหาทหาร ก้าวเข้าโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ หรือก้าวหนีการประชุมสภาไปจนครบ 4 ปี ก็ไม่เป็นไร หากว่านั่นเป็นเรื่องนิสัย รสนิยม หรือ***ส่วนตัว แต่ในความเป็น “นายกรัฐมนตรี” นางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้ มี “หน้าที่” ที่จะต้อง “รับผิดชอบ” จะมาแสดง***ขี้โกง มักง่าย ไม่พูดข้ามๆ ไปทุกเรื่องหรือตลอดเวลาไม่ได้นะครับ 11. ข้าวเน่า ข้าวเสื่อม ข้าวปนเปื้อน เป็นปัญหาปลายเหตุที่ต้นเหตุก็เกิดจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้เอง อย่าได้ยินยอมให้ยิ่งลักษณ์ “ตบตา” ด้วย “มารยาสาไถย” กินข้าวคำสองคำแล้วทำราวกับปัญหาเรื่องข้าวในประเทศไทยหมดไปแล้วหยุดถาม หยุดพูด ไปข้างหน้ากันเถอะค้า....ไม่ได้! 12. หากรัฐบาลนี้ ไม่ทำตัวเป็นแม่ค้าข้าวรายใหญ่ เอาเงินงบประมาณแผ่นดินไป “ทำลายตลาดข้าว” ด้วยการกว้านซื้อในราคาที่แพงกว่าท้องตลาด ซึ่งเท่ากับ “ตัดราคา” พ่อค้าตัวจริงอื่นๆ ทิ้งหมดทั้งวงการ จนพ่อค้าแม่ขายฉิบหายวายป่วงกันไปหมด แล้วก็เอาข้าวมาเก็บอย่างโง่ๆ ไม่มีความรู้คือ ซื้อข้าวมา ไม่คัดแยกสายพันธุ์ เอามากองเคล้ากันมั่วไปหมดแล้วแทนที่จะเก็บในรูป “ข้าวเปลือก” ครั้นมี “ออเดอร์” คือ คำสั่งซื้อ ก็ค่อยเอามาสี เพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า นี่กลับทำเหมือนกลัวว่ามอดจะอดตาย เลยสีข้าวทุกเม็ดเก็บไว้ในรูป “ข้าวสาร” ให้มันเสื่อมเร็ว เน่าง่าย มอดแมลงทั้งหลายกินกันอิ่มหนำสำราญ ราวกับงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ เพื่อป้องกันแมลงกิน ก็ต้องรมยา-เมทิลโบรไมด์ ซึ่งปกติก็มีการรม แต่เต็มที่ไม่เกิน 2 ครั้ง ก็นำส่งไปยังผู้ซื้อ คราวนี้ข้าวมันขายไม่ออก เพราะซื้อมาแพง แต่ราคาจริงๆ ในตลาดมันถูก ก็ต้องเก็บเอาไว้ รอราคา ระหว่างเก็บก็ต้องรมยารอบแล้วรอบเล่า แล้วก็มุบมิบขายข้าวให้แก่เอกชน โดยไม่เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบ กระทั่งข้าวที่ไม่ได้มาตรฐาน และปนเปื้อนสารเคมี เข้าสู่ตลาดค้าปลีกเข้าสู่วิถีชีวิตของประชาชนคนไทย ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะวิตกกังวล ระแวง หรือกลัว 13. รัฐบาลมีหน้าที่ดับความกลัวนั้นอย่างโปร่งใส คือ ทำการทดสอบข้าวถุงในท้องตลาด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ไม่ใช่ให้ “ยิ่งลักษณ์” ไปกินข้าวโชว์ที่โรงงาน แต่ข้าวในท้องตลาดที่คนทั่วไปกินนั้น ยังสุ่มเสี่ยงเหมือนเดิม!! 14. ซ้ำร้าย ทั้งฝ่ายรัฐและเอกชนยังส่งสัญญาณ “ข่มขู่” หรือทำลายความน่าเชื่อถือในผลตรวจของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคกับมูลนิธิชีววิถีตามมาด้วย อาทิ การขู่ให้เปิดเผยชื่อห้องปฏิบัติการ หรือการที่ ดร.ลัดดาวัลย์ กรรณนุชรองอธิบดีกรมการข้าว ได้ยืนยันบนเวทีเสวนาพิเศษเรื่อง “คุณภาพและสารปนเปื้อนในข้าวไทย วิกฤติจริงหรือ?” ว่า คุณภาพข้าวไทยมีมาตรการระดับสากลในทุกขั้นตอน แต่พอเวลามีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้น เราต้องสุ่มตัวอย่างที่ได้มาตรฐานจริงๆ ซึ่งการสุ่มตัวอย่างมาตรฐานคือเก็บให้ครบทั้งในและนอกระบบ ไม่ใช่หยิบถุงนี้มาวิเคราะห์แล้วบอกว่าทั้งระบบมันเป็นอย่างนี้ จึงอยากฝากผู้ที่มีหน้าที่ทั้งหมดว่า มันมีมาตรฐานการสุ่ม แบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่งตัวอย่างข้าวถุงไปยังห้องปฏิบัติการ 1 ถุง, ส่งให้ผู้กังวล 1 ถุง และอีก 1 ถุงให้กับผู้ประกอบการ โดยให้ทั้งหมดตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง จะทำให้ผลการตรวจสอบที่ออกมาสามารถยันกันได้ “ก่อนจะทำอะไรเราต้องคิดให้ดี เพราะถือเป็นเรื่องเศรษฐกิจระดับชาติ” ก็มองเป็นอย่างอื่นแทบไม่ได้ แต่ถามว่า ทำไมรัฐบาล และกรมต่างๆ ที่ดาหน้ากันออกมาปกป้องรัฐบาล แทนที่จะปกป้องประชาชนคนกินข้าว ไม่ตรวจกันล่ะครับ 15. ถ้ารัฐบาล ดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ด้วยการเปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เชื่อถือได้มาตั้งแต่ต้นวันนี้คนคงไม่เคลือบแคลงสงสัย และระแวงระวังไปเสียทุกอย่าง ในกรณีนี้ รัฐบาลไม่มีสิทธิโทษประชาชนเลย เพราะฝ่ายรัฐบาลเองที่กระทำการอย่างลับๆ ล่อๆ น่าสงสัย ไม่น่าไว้ใจมาโดยตลอด 16. กลับมาที่เรื่องกินข้าวโชว์ แล้วบอกให้สื่อมวลชนถามไปข้างหน้า นั่นแปลว่าปัญหาทั้งหลายเรื่อง “ข้าว” ต้องจบไปพร้อมภาพข่าวนายกฯ คนงาม กินข้าวโชว์แล้วใช่ไหม? ตอบว่า ไม่ใช่ครับ การขาดทุนอย่างมหาศาล การใช้งบประมาณโดยไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการป้องกันการทุจริต ไม่มีการทำบัญชีที่เปิดเผยโปร่งใส และชาวนา ที่ถูกอ้างว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายในการให้การช่วยเหลือ กลับได้ประโยชน์น้อยที่สุดในหมู่คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการ “รับจำนำข้าว” ยังเป็นความรับผิดชอบของนางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลอยู่เหมือนเดิม 17. คำถามที่คนไทย และสื่อมวลชนไทย ยังต้องถามและต้องตรวจสอบกันต่อไปก็คือ รัฐบาลใช้เงินไปกับโครงการนี้เท่าไหร่ ซื้อข้าวมาเท่าไหร่ ขายไปเท่าไหร่ ขายให้ใคร คงเหลือเท่าไหร่ ในสภาพไหน มีการทุจริตหรือไม่ ชาวนาหรือใครได้ประโยชน์สูงสุด ควรต้องเปลี่ยนวิธีที่จะช่วยชาวนาไหม การสูญเสียในตลาดส่งออกข้าว ใครต้องรับผิดชอบ จะแก้ไข จะชดเชย จะฟื้นฟูได้อย่างไร ฉะนั้น สื่อทั่วไป และประชาชนคนไทย จะทำตัวเหมือนสุนัขรับใช้หรือแก๊งไอติมของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่เอาแต่ “เลีย” ให้นายมันเคลิ้มอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ เป็นปัญหาที่คนไทยต้องรู้จัก “เสียว” ให้มากกว่ามุ่งสร้างความเสียวให้นายกฯ จอมสร้างภาพ ที่มักหมกกลบปัญหาเอาไว้ ใต้เนื้อเพลง “หนูไม่รู้” หรือ “วันนี้ขอเถอะค่ะ”หรือ “ยิ้มอย่างเดียวได้ไหมคะ” บอกเธอไปเลยว่า ใน 24 ชั่วโมง เธอจะใช้มารยา 100 เล่มเกวียนกับใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ก็ใช้ไป แต่กับประชาชนคนไทย อย่ามาทำดัดจริตมารยา เปิดเผยความจริงออกมา แล้วแสดงความรับผิดชอบทั้งหมดด้วยตัวเอง!! จากคอลัมน์การเมือง เส้นใต้บรรทัด โดยจิตกร บุษบา naewna/politic/columnist/7743
Posted on: Sun, 21 Jul 2013 06:45:20 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015