นิรนาม นิรกาย - TopicsExpress



          

นิรนาม นิรกาย ขอเตือนสติมวลชนประชาธิปไตยอย่าตกไปเป็นกำลังให้เผด็จการโดยการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่มีความมุ่งหมายแบบเตะหมูเข้าปากหมา เพราะเรียกร้องประชาธิปไตยแต่สุดท้ายได้เผด็จการรูปใหม่มาแทนจนเป็น "วงจรอุบาทว์ทางการเมือง" มีคำถามมามากมายเรื่องการเมืองการปกครองของประเทศไทย แต่ขอตอบแบบสั้นๆสรุบว่าประเทศไทยมีเพียงรูปแบบการปกครองเท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย เพราะยังขาดไร้ซึงหลักการการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยเฉพาะหลักเรื่องอำนาจอธิปไตยของปวงชนและหลักเสรีภาพบุคคลที่สะท้อนภาพถึงระบอบประชาธิปไตย(democratic regime)หรือมรรควิธีในการปกครอง เท่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้เห็นว่าส่วนใหญ่ยังใช้หลักการของเผด็จการในการปกครอง ตั้งแต่วิธีคิด วิธีทำ ตลอดจนการบริหารจัดการกลไกของรัฐ จนเกิดความขัดแย้ง แย่งชิง จนนำไปสู่การเกิดการแตกความสามัคคีแห่งชาติ จนหลายฝ่ายต่างเสนอวิธิการเพื่อสร้างความปรองดองแห่งชาติแต่ต่างฝ่ายต่างเห็นไม่ตรงกัน โดยยกเหตุผลมาคัดง้างกันไปมาอย่างข้างๆคูๆ ฟังดูแล้วน่าเบื่อหน่ายทั้งสิ้น ซึ่งทุกฝ่ายต่างทราบดีว่าปัญหาหลักที่เป็นปัญหาพื้นฐานของชาติที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือปัญหาการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรมหรือการปกครองที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยครบถ้วนทั้งหลักการและรูปแบบ สรุปว่าการเมืองไทยเป็นการปกครองแบบเผด็จการ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ได้อำนาจรัฐเข้ามาบริหารจัดการโดยการเป็นรัฐบาลก็ตาม ต่างก็บ้อท่ากันทั้งสิ้น ทั้งตัวผู้ ตัวเมีย หรือแม้แต่กระเทยก็ตาม ดังนั้น วิธีแก้ไขคือต้องยกเลิกเผด็จการ สร้างประชาธิปไตย เท่านั่นเอง เพราะการแก้ปัญหาประเทศไทยอยู่ที่หลักการไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล อยู่ที่ว่าบุคคลที่จะแก้ปัญหาชาติในขณะนี้เข้าใจและเข้าถึงแนวทางและหลักการสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้เพียงได ส่วนใหญ่เห็นแต่พวกโง่แล้วขยัน อยากดัง สร้างภาพ รับชอบแต่ไม่รับผิด ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอแทบทั้งสิ้น แนวคิดแบบเผด็จการคือการจำกัดเสรีภาพของบุคคล แนวคิดแบบประชาธิปไตยคือการขยายเสรีภาพของบุคคล หลักการทั้งสองคือภาพสะท้อนของการเมืองไทย ประชาชนไทยแสดงเจตจำนงค์เรียกร้องประชาธิปไตยทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ผู้มีหน้าที่สนองตอบความต้องการประชาชนคือผู้ที่ทำการปกครองอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือ รัฐบาล กลับกระทำการผิดวัตถุประสงค์ส่วนรวมด้วยการปฎิบัติการใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยแนวคิดแบบเผด็จการจำกัดเสรีภาพของประชาชนในทางการเมืองอันเป็นหลักการของการปกครองแบบเผด็จการ ซึ่งขัดต่อหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม การแก้ไขปัญหาชาติด้วยแนวคิดชนิดนี้โดยคณะบุคคลเหล่านี้เป็นการกระทำแบบเจตนาดีแต่พาไปลงนรก เพราะท้ายที่สุดปัญหาชาติแก้ไขไม่ได้แต่กลับจะทวีความรุนแรงเกิดมิคสัญญีกลียุคตามมา เพราะปรากฎการณ์ทางการเมืองของไทยที่เป็นอยู่ในตอนนี้คือการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจเพื่อขึ้นปกครองเพื่อแสวงประโยชน์ตนและพวกพ้องของพวกเผด็จการด้วยกันเองทั้งตัวผู้และตัวเมีย ทั้งแนวคิดแบบเผด็จการรัฐประหารและแบบเผด็จการรัฐสภาโดยอ้างเอาประชาชนและประชาธิปไตยบังหน้า ปัญหาชาติไทยจึงแก้ไขไม่สำเร็จ เพราะผลสรุปสุดท้ายของการต่อสู้ห้ำหันกันทางการเมืองในเวลานี้คือการปกครองแบบเผด็จการทั้งสิ้นไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ทำไมจึงไม่ช่วยกันหาวิธีการยกเลิกการปกครองแบบเผด็จการทุกรูปแบบ ซึ่งจะเป็นทางรอดสุดท้ายของฝ่ายประชาชน นิรนาม นิรกาย ในฐานะคนไทยที่ต้องการเห็นประเทศไทยพัฒนาทันเทียมนานาอารยะประเทศ ขอเสนอแนวคิดและแนวทางการแก้ปัญหาชาติ ดังนี้ การสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นเป็นจริงในประเทศไทยเพื่อแก้ไขวิกฤตชาติ โดยการใช้หลักการประชาธิปไตยด้านการทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน หรือหลักการด้านการขยายเสรีภาพบุคคลให้บริบูรณ์เพื่อขยายอธิปไตยปวงชน เป็นการปฏิบัติกระทำการรุกทางการเมืองที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ปฏิวัติกระแสสูงปัจจุบัน จะก่อเกิดการนำทางการเมืองระดับสูงอย่างเป็นรูปธรรม ที่แจ่มชัดและแหลมคม จะรุกทำลายเผด็จการทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง โดยชี้ขาดอย่างมีรูปธรรมคือ สะท้อนภาพของอำนาจอธิปไตยของปวงชนสำแดงออกเป็นรูปธรรม 2 ทาง คือ ทางลักษณะของนโยบายของรัฐบาล และทางลักษณะของผู้แทนของรัฐสภาที่มีลักษณะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงไม่ใช่ผู้แทนของคนส่วนน้อย กล่าวคือ ทำให้มีนโยบายของรัฐบาลที่มีลักษณะสะท้อนผลประโยชน์ของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง ในสถานการณ์ปัจจุบัน คือ นโยบายสร้างประชาธิปไตยอย่างถูกต้องตามลัทธิประชาธิปไตย ที่สะท้อนภาพเป็นจินตภาพของประชาธิปไตย 8 ประการและทั้งด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมวัฒนธรรม การป้องกันประเทศ การต่างประเทศ เป็นต้น โดยต้องยุติความผิดพลาดที่ใช้รัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือสร้างประชาธิปไตยนับตั้งแต่ พ.ศ.2475 จนถึงปัจจุบัน หันกลับมาใช้นโยบายเป็นเครื่องมือสร้างประชาธิปไตยตามแบบอย่างที่ถูกต้องของสถาบันพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 แล้วจึงใช้รัฐธรรมนูญมาทำหน้าที่รักษาประชาธิปไตยที่สร้างขึ้นด้วยนโยบายเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยตามหลักสากลสำเร็จเป็นจริงแล้วไว้ต่อไป ดังนั้น เพื่อเป็นการรุกทางการเมือง ด้วยยุทธศาสตร์ประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขวิกฤตชาติ ด้วยการปฏิบัติการ 1 เป้าหมาย 2 ทำลาย 3 ไม่ 4 ส่งเสริม 5 สร้าง 6 รักษา ดังมีรายละเอียดดังนี้ “1เป้าหมาย” คือการสถาปนาการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ให้เกิดเป็นจริงขึ้นอย่างสถิตสถาพรตลอดไป “ 2 ทำลาย” คือ ทำลายการปกครองแบบเผด็จการ 2 รูป อันเกิดจากลัทธิรัฐธรรมนูญที่เป็นลัทธิเผด็จการที่ครอบงำและบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติ หรือที่เรียกว่า ลัทธิสลายชาติ เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติหลุดพ้นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง โดยการทำลายเผด็จการรัฐประหารและเผด็จการรัฐสภา “ 3 ไม่” คือ “ไม่ฆ่า ไม่ด่า ไม่จับ” เป็นการปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนมุมมองให้เกิดทัศนะที่ดีระหว่างคู่ขัดแย้งจากผู้ก่อการร้ายมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในอดีต และระหว่างพี่น้องเสื้อแดงเสื้อเหลืองและกลุ่มต่างๆ และระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อสร้างความร่วมมือร่วมใจต่อการแก้ไขปัญหาร่วมกันและเป็นการจุดประกายเพื่อสร้างความสามัคคีทางการเมืองและสร้างความสามัคคีแห่งชาติ กล่าวคือ ใช้มาตรการทางการเมืองเป็นมาตรการหลัก ใช้มาตรการการปราบปราม มาตรการทางกำลัง และมาตรการทางกฎหมายเป็นมาตรการประกอบ จึงจะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งระดับสูงสุดที่เรียกว่า สงคราม และความขัดแย้งระดับต่างๆ ลงได้สำเร็จ “ 4 ส่งเสริม” คือ ....... 1. ส่งเสริมการกระจายความคิด หรือติดอาวุธทางปัญญาในลัทธิประชาธิปไตยและลัทธิการเมืองใหญ่ ๆ ในโลกให้แก่มวลสมาชิกและมวลมหาประชาชนทั่วประเทศโดยนักจัดตั้งไม่ใช่นักเลือกตั้งและเครื่องมือจัดตั้ง คือ เอกสาร เทป ซีดีต่าง ๆ และสื่อมวลชนหรืออินเตอร์เน็ตเฟสบุ๊ค อันเป็นการจัดตั้งทางความคิดที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นการสร้างประชาธิปไตยขั้นแรก คือ สร้างประชาธิปไตยทางความคิด เพราะกิจกรรมที่สำคัญสูงสุดของมนุษย์คือกิจกรรมทางความคิด 2.ส่งเสริมการกระจายอำนาจ คือ กระจายอำนาจอธิปไตยสู่ปวงชน โดยเลิกการรวมศูนย์อำนาจอธิปไตยไว้ที่คนส่วนน้อย เร่งกระจายอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน คือ ทำให้มีผู้แทนปวงชนที่แท้จริงในสภา ทำให้พรรคการเมืองเป็นผู้แทนที่แท้จริงของประชาชน เป็นพรรคตามธรรมชาติไม่ใช่พรรคตามกฎหมายด้านเดียว ทำให้มีการสะท้อนประโยชน์ประชาชนในนโยบายรัฐบาล และกระจายอำนาจท้องถิ่นสู่ชุมชนโดยเลิกรวมศูนย์ความเจริญไว้ในเมืองเริ่มกระจายความเจริญสู่ชนบททั้งด้านงบประมาณและการบริหาร โดยทำตามหลักวิชาการของการกระจายกับการรวมศูนย์อำนาจที่ถูกต้อง คือ กระจายอำนาจอธิปไตย รวมศูนย์อำนาจปกครอง กระจายประสานรวมศูนย์อำนาจท้องถิ่น 3.ส่งเสริมการกระจายทุน คือ ขยายกรรมสิทธิ์เอกชนทางเศรษฐกิจ ออกไปสู่ประชาชนชาวนาชาวไร่ด้วยการปฏิรูปที่ดิน ให้ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของตนเอง โดยเลิกการรวมศูนย์ทุนของเจ้าที่ดิน (Landlord) สู่ประชาชนคนทั้งประเทศด้วยการเวนคืนโดยสมัครใจอย่างยุติธรรม กรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของประชาชนจะทำให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจ มีผลให้ผลผลิตสูงและเกิดการขยายตัวเป็นลูกโซ่ในระบบเศรษฐกิจแห่งชาติ เริ่มจากด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การขนส่ง การเงินการธนาคาร ระบบเศรษฐกิจแห่งชาติก็จะเติบโตอย่างมั่นคงมีอิสระไม่ถูกครอบงำยึดครองโดยต่างด้าวและต่างชาติสอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียง จะทำให้นายทุนใหญ่ นายทุนชาติ นายทุนน้อยของไทยเข้มแข็งสามารถต่อสู้แข่งขันกับทุนข้ามชาติได้อย่างทรงพลังยิ่ง 4. ส่งเสริมการกระจายธรรม ให้มีการประสานโมกษธรรมเข้ากับการเมือง ประสานธรรมะเข้ากับประชาธิปไตย ประสานอริยสัจเข้ากับสถานการณ์ของประชาชน ถวายบทบาทผู้นำทางจิตวิญญาณ (Spiritual Leader) แด่พระภิกษุสงฆ์ให้สามารถเคลื่อนไหวเผยแผ่ธรรมะกระจายออกไปอย่างกว้างขวางทุกมิติอย่างไม่เคยมีมาก่อน ประยุกต์การปฏิบัติธรรมเข้ากับทุกสถานการณ์เพื่อดึงประชาชนเข้าร่วมกันปฏิบัติธรรมทั้งประเทศ เช่น สนับสนุนกิจการทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ อย่างเต็มที่ ทำให้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพระพุทธศาสนาได้เผยโฉมออกมาเต็มดวง อันเป็น “ยุคตื่นทางธรรมะ” ครั้งใหญ่ของประเทศและของโลก สร้างธรรมะในจิตใจ สร้างประชาธิปไตยในบ้านเมือง สร้างสันติภาพถาวรยั่งยืนขึ้นในโลก ประเทศไทยจะมีบทบาทในด้านสากลนำชาวโลกอย่างโดดเด่น “5 สร้าง” หมายถึง การสร้างหลักการการปกครองแบบประชาธิปไตย (Democratic Government) ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง 5 ข้อ 1. สร้างอำนาจอธิปไตยของปวงชน (Sovereignty of the People) ก่อนแล้วนำเอาอำนาจอธิปไตยของปวงชนหรือระบอบประชาธิปไตยไปสร้างประชาธิปไตยข้ออื่นๆ 2. สร้างเสรีภาพของบุคคลบริบูรณ์ (Freedom Of Person) 3. สร้างความเสมอภาค (Equality) 4. สร้างกฎหมายภายใต้หลักนิติธรรม (Rule Of Law) 5. สร้างการปกครองจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย (Elected Government) นี่คือ ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตย ทำลายเผด็จการ เพื่อแก้ไขวิกฤตชาติ คือ ปฏิบัติการ 1 เป้าหมาย 2 ทำลาย 3 ไม่ 4 ส่งเสริม 5 สร้าง เป็นนโยบายและมาตรการรุกทางการเมือง (Political Offensive) อันเป็นการกระทำการปฏิบัติการรุกทางการเมืองที่เป็นรูปธรรมปรากฏเป็นจริงได้ผลอย่างแท้จริง เราเสียกรุงศรีฯเพราะการปกครองอ่อนแอ ไม่ใช่พม่าเก่ง และเราไม่ตกเป็นเมืองขึ้นเพราะพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักวิชาและทรงรู้วิธีแก้ปัญหา ชาติล่มจมเพราะศัตรูในชาติ ชาติมั่นคงเพราะมิตรในชาติ ศัตรูในชาติคือการปกครองที่ผิด มิตรในชาติคือการปกครองที่ถูก ถ้าการปกครองดีก็ก่อให้เกิดเป็นสมบัติ ถ้าการปกครองเลวก็นำมาซึ่งวิบัติ ตามหลักวิวัฒนาการของสรรพสิ่ง ชี้ขาดด้วยเงื่อนไขภายใน เงื่อนไขภายนอกเป็นส่วนประกอบเท่านั้น “6 รักษา” เมื่อสร้างประชาธิปไตยตาม 1 เป้าหมาย 2 ทำลาย 3 ไม่ 4 ส่งเสริม 5 สร้าง แล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ ขั้นตอนรักษา คือ“รักษาประชาธิปไตยด้วยรัฐธรรมนูญ” การสร้างประชาธิปไตยนั้นจะต้อง รู้ประชาธิปไตย รู้ผู้สร้างประชาธิปไตย รู้เครื่องมือสร้างประชาธิปไตย รู้เครื่องมือรักษาประชาธิปไตย “รู้ประชาธิปไตย” คือ รู้จินตภาพรูปธรรมของประชาธิปไตยทั้ง 8 รูปธรรม คือ วิธีการประชาธิปไตย(Democratic Mean) ระบอบประชาธิปไตย(Democratic Regime) การปกครองแบบประชาธิปไตย(Democratic Government) ลัทธิประชาธิปไตย(Democracy) ระบบประชาธิปไตย(Democratic System) สังคมประชาธิปไตย(Democratic Society) การสร้างประชาธิปไตย(Democratic Construction) ประเทศประชาธิปไตย(Democratic Country) “รู้ผู้สร้างประชาธิปไตย” ในโลกนี้มีสถาบันที่สร้างประชาธิปไตยได้ 3 สถาบัน คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันกองทัพ สถาบันพรรคการเมือง “รู้เครื่องมือสร้างประชาธิปไตย” เครื่องมือสร้างประชาธิปไตยคือนโยบาย(Platform, Program) “รู้เครื่องมือรักษาประชาธิปไตย” เครื่องมือรักษาประชาธิปไตย คือ รัฐธรรมนูญ ดังนั้น “6 รักษา” ก็คือ หลังจากสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นแล้ว จึงเขียนรัฐธรรมนูญมาสะท้อนเอาการปกครองแบบประชาธิปไตยไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาเอาไว้ให้มั่นคงตลอดไป ดังต่อไปนี้ คือ ... 1.“รักษาการปกครองแบบประชาธิปไตย” เมื่อสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นสำเร็จเสร็จสมบูรณ์แล้วก็รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยไว้ด้วยรัฐธรรมนูญ แล้วการปกครองแบบประชาธิปไตยก็จะไปรักษาทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศชาติไว้ให้มั่นคงต่อไป 2.“รักษาชาติ” คือ “ชาติ”(Nation) ซึ่งหมายถึงชาติสมัยใหม่ที่เป็นรัฐเอกราชที่ประกอบด้วย การมี“ดินแดนร่วมกัน การเมืองร่วมกัน เศรษฐกิจร่วมกัน ภาษา และ วัฒนธรรมร่วมกัน” ของประชาชน 3 .“รักษาศาสนา” คือ รักษาพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งชาติไว้ รวมทั้งศาสนาต่างๆ ที่ดีงามเป็นสัมมาทิฏฐิ ให้อยู่คูชาติตลอดไป 4.“รักษาพระมหากษัตริย์” คือ รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรมอันสูงส่งเป็นหลักการของสถาบันฯ ทรงเป็นองค์รัฎฐาธิปัตย์ (The Sovereign)เป็นตัวแทนแห่งอำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ(The Representative of Sovereignty of the State) เป็นประมุขแห่งรัฐ(Head of State) เป็นจอมทัพไทย(Generalissimo) 5.“รักษารัฐไทย” คือ รักษารัฐไทย(Thai State) ซึ่งประกอบด้วย “อาณาเขต อำนาจอธิปไตย กองทัพ รัฐบาล ประชาชน” 6.“รักษาลักษณะพิเศษประจำชนชาติไทยอันสูงส่ง 3 ประการ” คือ รักความเป็นไท(Love of Independence) อหิงสา(Non-Violence) รู้จักประสานประโยชน์(Power of Assimilation) นี่คือ ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตย ปฏิบัติการ 1 เป้าหมาย 2 ทำลาย 3 ไม่ 4 ส่งเสริม 5 สร้าง 6 รักษา ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความศิวิไลย์ทันเทียมนานาอารยะประเทศ
Posted on: Sat, 03 Aug 2013 00:56:56 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015