ประวัติ แรนดี - TopicsExpress



          

ประวัติ แรนดี ออร์ตัน แรนดี ออร์ตัน จาก กระผมแฟนคลับแรนดี แรนดี ออร์ตัน An image of แรนดี ออร์ตัน. ข้อมูล ฉายา แรนดี ออร์ตัน ความสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว (1.93 เมตร) น้ำหนัก 235 ปอนด์ (107 กก) เกิด 1 เมษายน ค.ศ. 1980 (33 ปี) น็อกซ์วิลล์, รัฐเทนเนสซี พำนัก เซนต์ ชาร์ลส, รัฐมิสซูรี[1] มาจาก เซนต์หลุยส์, รัฐมิสซูรี ฝึกหัดโดย คาวบอย บ๊อบ ออร์ตัน South Broadway Athletic Club[2] Mid Missouri Wrestling Alliance Ohio Valley Wrestling เปิดตัว 18 มีนาคม ค.ศ. 2000 แรนดัล คีธ แรนดี ออร์ตัน (อังกฤษ: Randal Keith Randy Orton)[3][4] เกิดวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1980 เกิดที่ น็อกซ์วิลล์, เทนเนสซี (ปัจจุบันอยู่ ไฮริด, มิสซูรี ซึ่งย้ายมาจาก เซนต์หลุยส์, มิสซูรี) เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ปัจจุบันเซ็นสัญญาสังกัดสมาคม ดับเบิลยูดับเบิลยูอี ในชื่อว่า แรนดี ออร์ตัน เป็นนักมวยปล้ำรุ่นที่ 3 ต่อจากปู่ บ๊อบ ออร์ตัน ซีเนียร์ และ คาวบอย บ๊อบ ออร์ตัน จูเนียร์ พ่อของเขา[5] ซึ่ง 2 รุ่นก่อนหน้าก็ประสบความสำเร็จมามากมาย เนื้อหา [ซ่อน] 1 ประวัติในสังเวียนมวยปล้ำ 1.1 เวิลด์เรสต์ลิงเฟดเดเรชั่น / เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (2002 - ปัจจุบัน) 2 ผลงานภาพยนตร์ 3 เกี่ยวกับมวยปล้ำ 4 ผลงานทั้งหมด 5 ดูเพิ่ม 6 อ้างอิง 7 แหล่งข้อมูลอื่น ประวัติในสังเวียนมวยปล้ำ[แก้] แรนดี ออร์ตัน มีชื่อเสียงโด่งดังจากการคว้าแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด[6] ของ WWE โดยการเอาชนะนักมวยปล้ำจอมเทคนิค อย่าง คริส เบนวา ด้วยอายุเพียง 24 ปี 4 เดือน 15 วัน ทำลายสถิติของ บร็อก เลสเนอร์ (อายุ 25 ปี) ไปได้ ในปี ค.ศ. 2004 และยังคงไม่มีใครทำลายสถิตินี้ได้จนถึงทุกวันนี้ ในปี 2001 ออร์ตันได้ฝึกมวยปล้ำในสมาคม OVW และคว้าแชมป์ฮาร์ดคอร์ OVW 2 สมัย[7] จากการเอาชนะ มิสเตอร์แบล็ค และ แฟลช แฟลงนากา เวิลด์เรสต์ลิงเฟดเดเรชั่น / เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (2002 - ปัจจุบัน)[แก้] ออร์ตันได้มีโอกาสมาอยู่ WWF/E และเปิดตัวครั้งแรก ในศึก สแมคดาวน์ วันที่ 25 เมษายน โดยการเจอกับ ฮาร์ดคอร์ ฮอลลี[8] ซึ่งก็ได้การตอบรับจากคนดูได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ต่อมาในเดือนกันยายน ออร์ตันได้ถูกย้ายมาที่รอว์ และได้เอาชนะ สตีเวน รีชาร์ด เป็นการเปิดตัวของเขาครั้งแรกในรอว์[9][10] นอกจากนี้ออร์ตันยังได้ร่วมกลุ่มกับ เอฟโวลูชั่น ซึ่งมี ทริปเปิล เอช, ริก แฟลร์ และ บาติสต้า อยู่ด้วย หลังจากนั้นออร์ตันก็โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ โดยสามารถคว้า แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล โดยการเอาชนะ ร็อบ แวน แดม มาได้ ในศึก อาร์มาเกดดอน 2003[11] และยังได้ปราบนักมวยปล้ำที่เป็นตำนานหลายคน อาทิ เช่น ฮาร์ลีย์ เลส, ชอว์น ไมเคิลส์, มิค โฟลีย์, จ่าสลอจเตอร์ และอีกมากมาย[12] ออร์ตันคว้าแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด ในศึก ซัมเมอร์สแลม ปี 2004 ด้วยอายุเพียง 24 ปี 4 เดือน 15 วัน ในศึก ซัมเมอร์สแลม 2004 ออร์ตันได้เอาชนะ คริส เบนวา และได้คว้า แชมป์โลกเฮฟวี่เวท ที่อายุน้อยที่สุด[13] ซึ่งชัยชนะครั้งนี้ของออร์ตัน ทำให้ ทริปเปิล เอช หัวหน้ากลุ่ม เอฟโวลูชั่น เกิดความอิจฉา เพราะตนก็กำลังพยายามไล่ล่าเข็มขัดแชมป์เส้นนี้กลับมาหลังจากที่เสียไปให้กับ คริส เบนวา ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 ออร์ตันจึงถูกหักหลังและต้องออกจากกลุ่ม เอฟโวลูชั่น และกลายเป็นฝ่ายธรรมะ[14] นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น 2004 ทริปเปิล เอช สามารถกระชากแชมป์จากออร์ตันไปได้[15] ออร์ตันได้กลับมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้ง ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 ออร์ตันได้ปะทะกับสุดยอดนักมวยปล้ำระดับตำนาน และ เจ้าของสถิติไม่แพ้ใครในศึก เรสเซิลเมเนีย อย่าง ดิอันเดอร์เทเกอร์ แต่ออร์ตันก็ไม่สามารถทำลายสถิติไม่แพ้ใครในศึก เรสเซิลเมเนีย ของ อันเดอร์เทเกอร์ ลงได้ จากนั้นออร์ตันก็ลอบทำร้ายอันเดอร์เทเกอร์ ตลอดเวลา และท้าเจอกัน ในศึก อาร์มาเกดดอน 2005 ในแมตช์การปล้ำ เฮลล์อินเอเซลล์ แมทช์ แต่สุดท้ายออร์ตันก็แพ้ไป[16] ออร์ตันก็ยังคงโชว์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการไล่ล่าตำนานคนต่อๆไปอย่าง ฮอง โฮแกน, รอดดี้ ไพเพอร์ และ อาจารย์เก่าอย่าง ริก แฟลร์ ซึ่งออร์ตันก็สามารถเล่นงานได้หมดทุกคน และในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 ออร์ตันได้ปะทะกับ เคิร์ต แองเกิล และ เรย์ มิสเตริโอ ในแมตช์การปล้ำ 3 เส้า เพื่อชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท[17] สุดท้าย เรย์ มิสเตริโอ จัดการออร์ตันด้วยท่า 619 ทำให้ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาได้[18] ออร์ตัน กับแชมป์โลกแทคทีม คู่กับเอดจ์ ในนามเรท-อาร์เคโอ ในปลายปี 2006 ออร์ตันได้มีโอกาสจับคู่กับ เอดจ์ ในนาม เรท-อาร์เคโอ เปิดศึกกับกลุ่ม ดี-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ (ทริปเปิล เอช กับ ชอว์น ไมเคิลส์) ซึ่งผลัดแพ้ผลัดชนะกันหลายรอบ จนจบด้วยการที่ ทริปเปิล เอช เจ็บเข่าต้องพักไป 7 เดือน นอกจากนี้ออร์ตันก็สามารถคว้า แชมป์โลกแทคทีม คู่กับ เอดจ์[19][20] จากการเอาชนะนักมวยปล้ำระดับตำนานอย่าง ริก แฟลร์ และ รอดดี้ ไพเพอร์ อีกด้วย[21] แต่ก็เสียแชมป์ให้กับ จอห์น ซีนา และ ชอว์น ไมเคิลส์ หลังจากนั้นก็แตกทีมกัน ออร์ตันพยายามไล่ล่า แชมป์ WWE จากจอห์น ซีนา ถึงขั้นไปทำร้ายพ่อของซีนาด้วย[22] แต่ออร์ตันก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ เพราะซีนาให้พ่อของเขามาเตะหัวออร์ตัน จนกระทั่งซีนาเจ็บต้องพักการปล้ำไป ซีนาจึงต้องสละแชมป์ให้กับออร์ตัน ในศึก โนเมอร์ซี 2007[23] ซึ่งคืนนั้น ทริปเปิล เอช ลูกพี่เก่าได้มาท้าชิงแชมป์กับเขาและเสียแชมป์ไป[24] แต่ออร์ตันก็สามารถคว้าแชมป์กลับมาได้ในคืนเดียวกันในแมตช์ Last Man Standing ใครล้มลงนอนกับพื้นแล้วถูกกรรมการนับสิบจะเป็นฝ่ายแพ้ไป[25] ออร์ตันกับแชมป์ WWE ในปี ค.ศ. 2008 ในศึก แบคแลช (2008) ทริปเปิล เอช ได้กลับมากระชากแชมป์จากออร์ตัน ไปได้ในการปล้ำ Fatal-4-Way Elimination Match (4 เส้าแพ้คัดออกเหลือคนสุดท้ายเป็นผู้ชนะ)[26] ในศึก จัดจ์เมนท์เดย์ (2008) ออร์ตันขอท้าชิงแชมป์ WWE กับ ทริปเปิล เอช ในกรงเหล็ก แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนมาได้[27] และเจอกันอีกครั้ง ในศึก วันไนท์สแตนด์ (2008) ในแมตช์การปล้ำ Last Man Standing แต่ครั้งนี้ออร์ตันเป็นฝ่ายแพ้และทำให้ออร์ตันต้องพักการปล้ำไปหลายเดือนเลยที่เดียว[28] เมื่อออร์ตันกลับมาก็ได้ลอบทำร้ายนักมวยปล้ำทุกคนที่ขวางหน้า เช่น ซีเอ็ม พังก์, บาติสตา และตระกูลแมคแมน เจ้าของธุรกิจ WWE ในศึก รอยัลรัมเบิล (2009) ออร์ตันได้เป็นผู้ชนะ รอยัลรัมเบิล ซึ่งมีสิทธิ์ในการชิงแชมป์โลก[29] ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 ทริปเปิล เอช ซึ่งเป็นลูกเขยของตระกูลแมคแมนรอคอยการแก้แค้นให้พ่อตาจึงท้าให้ออร์ตันชิงแชมป์กับเขา ในศึก เรสเซิลเมเนีย ผลสรุปคือ ทริปเปิล เอช ได้จัดการออร์ตัน ด้วยค้อนปอนด์ และ ท่าไม้ตาย Pegdigree ทำให้ออร์ตันแพ้อย่างหมดรูปและไม่สามารถเอาแชมป์คืนมาได้[30] ในศึก แบคแลช (2009) ออร์ตันมีโอกาสชิงแชมป์อีกครั้งในการปล้ำแทคทีม 6 คน โดยออร์ตันจับคู่กับทีม เดอะเลกาซี (โคดี โรดส์ และ เท็ด ดิบิอาซี่) เจอกับ ทริปเปิล เอช, บาติสต้า และ เชน แมคแมน ผลปรากฏว่า ออร์ตันได้เล่นงาน ทริปเปิล เอช ด้วยท่าไม้ตาย RKO และ พั้นซ์ คิก สามารถคว้าแชมป์ WWE กลับมาครองได้สำเร็จ[31] หลังจากนั้นออร์ตันก็เสียแชมป์ให้กับซีนา และก็โทษกลุ่ม เดอะเลกาซี (โคดี โรดส์ และ เท็ด ดิบิอาซี่) ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาแพ้ต่อซีนา ถึง 3 ครั้ง เดอะเลกาซี:ออร์ตัน (กลาง), เท็ด ดิบิอาซี่ (ขวา) และ โคดี โรดส์ (ซ้าย) ในศึก รอยัลรัมเบิล (2010) ออร์ตันได้ขอท้าชิงแชมป์ WWE กับ เชมัส นักมวยปล้ำหน้าใหม่และเป็นเจ้าของตำแหน่งในตอนนั้น[32] ผลปรากฏว่า เชมัส ถูกลอบทำร้ายโดย โคดี โรดส์ ทำให้ออร์ตันแพ้ฟาล์ว[33] ต่อมา ออร์ตันและกลุ่มเดอะเลกาซี ก็แตกกลุ่มกันและเจอกัน ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 ในแมตช์การปล้ำ 3 เส้า ผลปรากฏว่า ออร์ตันได้จัดการทั้ง โคดี โรดส์ และ เท็ด ดิบิอาซี่ เอาชนะไปได้ และได้กลับมาเป็นฝ่ายธรรมะ[34] ออร์ตันได้ขอท้าชิงแชมป์ WWE กับ เชมัส ในศึก ซัมเมอร์สแลม (2010)[35] ผลปรากฏว่า เชมัส ถูกจับแพ้ฟาล์ว ทำให้ เชมัส ยังเป็นแชมป์ต่อไป[36] ในศึก ไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010) ออร์ตันได้เจอกับ เชมัส, จอห์น ซีนา, คริส เจอริโค, เอดจ์ และ เวด บาร์เร็ตต์ ในแมตช์การปล้ำ 6 คน เพื่อชิงแชมป์ WWE สุดท้ายออร์ตันสามารถคว้าแชมป์ WWE มาได้[37] ในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2010) ออร์ตันต้องป้องกันแชมป์ WWE กับ เวด บาร์เร็ตต์ โดยมี จอห์น ซีนา เป็นกรรมการพิเศษ ผลปรากฏว่า ออร์ตันเป็นฝ่ายเอาชนะและป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[38][39] ในศึกรอว์ ออร์ตันต้องป้องกันแชมป์ WWE กับ เวด บาร์เร็ตต์ อีกครั้ง โดยก่อนปล้ำพวกกลุ่ม เดอะเน็กซัส มาลอบทำร้ายออร์ตัน แต่ออร์ตันก็ยังไหว และสามารถเอาชนะบาร์เร็ตต์ ไปได้อีกครั้งจากความช่วยเหลือของ จอห์น ซีนา และป้องกันแชมป์เอาไว้ได้สำเร็จอีกครั้ง แต่ว่าหลังจากจบแมตซ์ เดอะ มิซ ได้ขอใช้สิทธิ์กระเป๋า Money In The Bank และเสียแชมป์ให้กับ เดอะ มิซ[40] ในศึก ทีแอลซี: เทเบิล แลดเดอร์ แอนด์ แชร์ (2010) ออร์ตันได้ขอท้าชิงแชมป์ WWE กับ เดอะ มิซ ในรูปแบบการปล้ำจับฟาดใส่โต๊ะ สุดท้ายออร์ตันก็แพ้ให้กับ เดอะ มิซ[41] ออร์ตันสามารถเอาชนะ เชมัส และ เวด บาร์เร็ตต์ ในแมตช์การปล้ำ 3 เส้า ทำให้ออร์ตันได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์ WWE กับ เดอะ มิซ ในศึก รอยัลรัมเบิล (2011) ในศึกรอว์ ออร์ตันได้ถูก เดอะ มิซ และ อเล็กซ์ ไรลีย์ รุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่เป็นอะไรมาก ในศึก รอยัลรัมเบิล ออร์ตันก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ WWE คืนมาได้ เพราะกลุ่ม เดอะนิวเน็กซัส ได้มาก่อกวนการปล้ำของออร์ตัน จนเป็นฝ่ายแพ้ให้กับ เดอะ มิซ จากการช่วยเหลือของ ซีเอ็ม พังก์[42] ต่อมาออร์ตันได้เปิดศึกกับ ซีเอ็ม พังก์ และท้าเจอกัน ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายเอาชนะมาได้[43] ออร์ตันได้ย้ายไปอยู่ สแมคดาวน์ จากผลการดราฟท์ ในศึกรอว์ (25 เมษายน ค.ศ. 2011) ในศึก เอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011) ออร์ตันได้เจอกับ ซีเอ็ม พังก์ อีกครั้ง ในแมตช์การปล้ำลาสแมนสแตนดิ้ง สุดท้ายออร์ตันก็สามารถเอาชนะพังก์ไปได้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน[44] ออร์ตันกับแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ในปี ค.ศ. 2011 ในศึก สแมคดาวน์ หลังจากศึก เอ็กซ์ตรีมรูลส์ 2 วัน ออร์ตันก็คว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวท จาก คริสเตียน ทำให้ออร์ตันคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8 มาครอง[45] ในศึก โอเวอร์ เดอะ ลิมิต (2011) ออร์ตันต้องป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ คริสเตียน สุดท้ายออร์ตันเป็นฝ่ายชนะและป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[46] ในศึก สแมคดาวน์ ออร์ตันต้องป้องกันแชมป์กับ เชมัส โดยมี คริสเตียน เป็นกรรมการพิเศษ สุดท้ายออร์ตันเป็นฝ่ายชนะและป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ แต่หลังจากจบแมตช์ คริสเตียน ได้เอาเข็มขัดแชมป์ไปฟาดใส่หัวออร์ตัน ก่อนจะเดินจากไป ในศึก แคปิเทล พูนิชเมนท์ ออร์ตันต้องป้องกันแชมป์กับ คริสเตียน อีกครั้ง สุดท้ายออร์ตันเป็นฝ่ายชนะและป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[47] ในศึก มันนีอินเดอะแบงก์ (2011) ออร์ตันต้องป้องกันแชมป์กับ คริสเตียน อีกครั้ง โดยถ้าออร์ตันทำผิดกฎิตา หรือตามคำสั่งของกรรมการ เข็มขัดจะตกเป็นของ คริสเตียน ทันที[48] สุดท้ายออร์ตันก็ทำผิดกฎิตา โดยการเตะผ่าหมากของ คริสเตียน ทำให้ออร์ตันถูกปรับแพ้ฟาล์วและเสียเข็มขัดแชมป์โลกให้กับ คริสเตียน[49] หลังแมตช์ออร์ตันคลั่ง กระทืบคริสเตียนเละก่อนจะ RKO บนโต๊ะผู้บรรยาย แล้วก็เดินกลับไป แต่เปลี่ยนใจย้อนกลับมา RKO บนโต๊ะซ้ำอีกรอบจน คริสเตียน กลายเป็นแชมป์แบบอนาถ ถูกหิ้วปีกออกจากสนาม ในศึก ซัมเมอร์สแลม (2011) ออร์ตันก็สามารถเอาชนะ คริสเตียน ในแมตซ์การปล้ำไม่มีกฎกติกา และคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 9 มาครอง[50] ในศึก ไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2011) ออร์ตันก็เสียแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ให้กับ มาร์ก เฮนรี[51] และขอชิงคืนในศึก เฮลอินเอเซล (2011) แต่ก็ไม่สำเร็จ ต่อมาออร์ตันได้เปิดศึกกับ เวด บาร์เร็ตต์ ในศึก เซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2011) ออร์ตันได้เป็นกัปตันทีม นำทีมโดย ออร์ตัน, เชมัส, โคฟี คิงส์ตัน, ซิน คารา และ เมสัน ไรอัน เจอกับทีมของบาร์เร็ตต์ ในแมตช์การปล้ำแทคทีม 5 ต่อ 5 แบบคัดออก สุดท้ายทีมของออร์ตันก็แพ้ไป[52] ในศึก ทีแอลซี: เทเบิล แลดเดอร์ แอนด์ แชร์ (2011) ออร์ตันได้เจอกับ เวด บาร์เร็ตต์ ในรูปแบบการปล้ำจับฟาดใส่โต๊ะ สุดท้ายออร์ตันใส่ท่า RKO เล่นงานบาร์เร็ตต์ กับโต๊ะ ทำให้ออร์ตันเป็นฝ่ายชนะ[53] ในศึก สแมคดาวน์ (30 ธันวาคม 2011) ออร์ตันได้เจอกับบาร์เร็ตต์ อีกครั้ง ในแมตช์การปล้ำจับกดที่ไหนก็ได้ สุดท้ายออร์ตันถูกบาร์เร็ตต์เหวี่ยงตกบันได หลังจากนั้นออร์ตันก็ต้องพักการปล้ำจากการถูกบาร์เร็ตต์เหวี่ยงตกบันได[54] ในศึก สแมคดาวน์ (27 มกราคม 2012) ออร์ตันได้หายจากอาการบาดเจ็บและกลับมาเล่นงานบาร์เร็ตต์ จนกรรมการและนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ต้องออกมาช่วยห้ามแต่เหล่านักมวยปล้ำที่เข้ามาห้ามนั้นก็โดนออร์ตันใส่ท่า RKO จนหมดไม่ว่าจะเป็น ไทเลอร์ เร็กส์, เคิร์ท ฮอว์กินส์, เทรนท์ บาร์เรต้า และ ดิ อูโซส์[55] ในศึก สแมคดาวน์ (3 กุมภาพันธ์ 2012) ออร์ตันได้เจอกับบาร์เร็ตต์ อีกครั้ง ในแมตช์การปล้ำไม่มีการจับแพ้ฟาล์ว สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายชนะและล้างแค้นบาร์เร็ตต์มาได้[56] ในศึก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2012) ออร์ตันได้เจอกับ แดเนียล ไบรอัน, บิ๊กโชว์, โคดี้ โรดส์, เวด บาร์เร็ตต์ และ เดอะ เกรท คาลี ในแมตช์การปล้ำอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ แมทช์ เพื่อชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท แต่ล่าสุด ออร์ตันได้ถูก แดเนียล ไบรอัน เอาเข็มขัดแชมป์ฟาดหัว ในระหว่างการปล้ำกับ บิ๊กโชว์ ในศึกรอว์ (13 กุมภาพันธ์ 2012) จนมีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง ทำให้ออร์ตันหมดสิทธิ์เข้าร่วมศึกอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์[57] ในศึก สแมคดาวน์ (2 มีนาคม 2012) ออร์ตันได้หายจากอาการบาดเจ็บ จากการถูก แดเนียล ไบรอัน เอาเข็มขัดแชมป์ฟาดหัว ในระหว่างการปล้ำกับ บิ๊กโชว์ ในศึกรอว์ (13 กุมภาพันธ์ 2012) จนมีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง โดยออร์ตันกลับมาล้างแค้นไบรอัน สุดท้ายไม่มีผลแพ้ชนะ เพราะ เคน ออกมาก่อกวน แถมไล่อัดออร์ตัน ในขณะที่ไบรอันหนีไปได้ และ เคน เล่นงานออร์ตัน ด้วยท่า โชคสแลม แล้วเอาไมค์มากล่าวยินดีต้อนรับออร์ตันที่หายบาดเจ็บกลับมา[58][59][60] ในศึกรอว์ (5 มีนาคม 2012) ออร์ตันได้ออกมาลอบทำร้าย เคน โดยเล่นงาน เคน ด้วยท่า RKO ทั้งคู่ได้เจอกัน ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28 สุดท้ายออร์ตัน ก็เป็นฝ่ายแพ้ไป ในศึก เอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2012) ออร์ตันได้เจอกับ เคน อีกครั้ง ในแมตซ์การปล้ำจับกดที่ไหนก็ได้ สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายชนะ[61] ในศึก โอเวอร์เดอะลิมิต (2012) ออร์ตันได้เจอกับ เชมัส, คริส เจอริโค, และ อัลเบร์โต เดล รีโอ ในแมตช์การปล้ำ 4 เส้า เพื่อชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท สุดท้ายออร์ตันก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้[62] วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 เว็บไซต์ WWE ได้ประกาศสั่งแบนออร์ตัน เป็นเวลา 60 วัน จากการไม่ผ่านการตรวจสุขภาพเป็นครั้งที่ 2[63] ออร์ตันได้พ้นโทษแบน 60 วันกลับมา ในศึกรอว์ (30 กรกฎาคม 2012) โดยเจอกับ ฮีท สเลเตอร์ สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายชนะ[64] ในศึก สแมคดาวน์ (24 สิงหาคม 2012) ออร์ตันได้เจอกับ อัลเบร์โต เดล รีโอ เพื่อหาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับเชมัส สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายแพ้ไป[65] ในศึก ไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2012) ออร์ตันได้เจอกับดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายชนะ[66] ในศึก สแมคดาวน์ (28 กันยายน 2012) ออร์ตันได้เจอกับบิ๊กโชว์ เพื่อหาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายแพ้ไป หลังแมตช์ ออร์ตันก็ถูกลอบทำร้ายโดย อัลเบร์โต เดล รีโอ[67] หลังจากแมตช์นี้ ออร์ตันก็จะหยุดปล้ำเพื่อไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง 12 Rounds Reloaded[68] ในศึก สแมคดาวน์ (12 ตุลาคม 2012) ออร์ตันได้มาเล่นงานเดล รีโอ เป็นการแก้แค้น แล้วจับไปอัดกบัโต๊ะผู้บรรยาย ตามด้วยอัปเปอร์คัต แล้วจับไปอัดกับเสา แล้วก็เอาไปอัดกับบันไดเหล็กอีก ก่อนจะไปรื้อโต๊ะ แล้วจะจัดการเดล รีโออัดกับโต๊ะ แต่เดล รีโอขัดขืนเตะกลับ แล้วก็เป็น ริคาร์โด รอดริเกซ ที่ขึ้นมาขี่คอออร์ตัน ปล่อยให้เดล รีโอหนีไปได้ แล้วก็จัดการอัดริคาร์โดไปนอนบนโต๊ะ แล้วก็มองไปที่เดล รีโอ แล้วจัดการใส่ RKO แต่โต๊ะไม่หัก ก่อนขึ้นไปบนเวที แล้วยืนจ้อองหน้าเดล รีโอ ปิดรายการไป[69] ในศึก เฮลอินเอเซล (2012) ออร์ตันได้เจอกับเดล รีโอ สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายชนะ[70] ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 ออร์ตันได้จับคู่กับเชมัส และบิ๊กโชว์ เจอกับ เดอะชีลด์ แต่ก็แพ้ให้กับเดอะชีลด์ หลังแมตช์ บิ๊กโชว์ ปล่อยหมัดใส่เชมัส กับออร์ตัน ก่อนจะเดินกลับไป[71] ในศึกรอว์ (8 เมษายน 2013) ออร์ตันได้เจอกับเชมัส โดยผู้ชนะจะได้ไปเจอกับบิ๊กโชว์ ระหว่างแมตช์ บิ๊กโชว์ได้มาเล่นงาน ออร์ตันกับเชมัส ทำให้ไม่มีผลการตัดสิน[72] ในศึกสแมคดาวน์ (12 เมษายน 2013) ออร์ตันได้จับคู่กับเชมัส เจอกับบิ๊กโชว์ ในแมตช์การปล้ำแฮนดิแคป 2 รุม 1 สุดท้ายออร์ตันกับเชมัสชนะเคาท์เอาท์[73] ในศึกรอว์ (15 เมษายน 2013) ออร์ตันได้จับคู่กับเชมัส เจอกับ บิ๊กโชว์ อีกครั้ง โดยออร์ตันกับเชมัสเป็นฝ่ายเอาชนะมาได้[74] ในศึก เอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013) ออร์ตันได้เจอกับบิ๊กโชว์ ในแมตช์การปล้ำเอกซ์ตรีมรูลส์ สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายเอาชนะมาได้ ด้วยท่าเตะกะโหลก[75] ในศึก เพย์แบ็ค ออร์ตันได้จับคู่กับ แดเนียล ไบรอัน เจอกับ เซท โรลลินส์ และ โรแมน เรนส์ 2 สมาชิกของกลุ่มเดอะชีลด์ ในแมตช์การปล้ำชิงแชมป์แทคทีม WWE แต่ก็ไม่สำเร็จ[76] ในศึก มันนีอินเดอะแบงก์ (2013) ออร์ตันได้เอาชนะนักมวยปล้ำทั้ง 5 คน และคว้ากระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์ในการใช้สิทธิ์ชิงแชมป์ WWE มาได้สำเร็จ ทำให้ออร์ตันมีสิทธิ์ที่จะขอท้าชิงแชมป์ WWE ที่ไหน เมื่อไร เวลาใดก็ได้ เพียง 1 ครั้งเท่านั้น[77] ในศึก ซัมเมอร์สแลม (2013) ออร์ตันได้ใช้สิทธิ์ของกระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์ คว้าแชมป์ WWE จากแดเนียล ไบรอัน ที่เพิ่งเอาชนะจอห์น ซีนา มาได้ จากการช่วยเหลือของทริปเปิล เอช ที่ใส่ Pedigree กับไบรอัน ทำให้ออร์ตันคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 10 มาครองได้สำเร็จ[78] และได้กลับมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้ง ในศึกรอว์ (19 สิงหาคม 2013) มีการเฉลิมตำแหน่งแชมป์ของออร์ตัน ซึ่งมีนักมวยปล้ำทุกคนของ WWE มายืนที่เวที โดยมีเดอะชีลด์ยืนอยู่ริมเวที วินซ์, สเตฟานี แม็กแมน และทริปเปิล เอช ก็ออกมากันพร้อมหน้า ทริปเปิล เอชประกาศแนะนำตัวออร์ตัน แชมป์ WWE คนใหม่ ออร์ตันออกมาจับมือกับครอบครัวแม็กแมน ออร์ตันบอกว่าปกติเขาไม่ชอบขอบคุณใคร แต่ครั้งนี้เขาต้องบอกว่าเขาต้องขอบคุณทริปเปิล เอชจริงๆ ทริปเปิล เอชบอกว่าเขารู้ว่า แดเนียล ไบรอันยังอยู่ในสนามแห่งนี้ ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรก็จงออกมาเคลียร์กันเดี๋ยวนี้ทริปเปิล เอช ไบรอันออกมาและจะขึ้นเวที แต่เดอะชีลด์มารุมอัดไบรอัน แต่ทริปเปิล เอชสั่งห้ามไว้ ทริปเปิล เอชบอกให้ไบรอัน ขึ้นมาบนเวที ไบรอันขึ้นเวทีไปปุ๊บก็โดน RKO ทันที แล้วออร์ตันกับครอบครัวแม็กแมนก็ชูมือฉลองกัน ในศึก ไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2013) ออร์ตันได้เสียแชมป์ให้กับไบรอัน ในศึกรอว์ (16 กันยายน 2013) ไบรอันออกมาพร้อมกับเข็มขัดแชมป์ WWE ทริปเปิล เอช ออกมาและก็เรียกกรรมการ สก็อตต์ อาร์มสตรอง ที่ตัดสินแมตช์ชิงแชมป์เมื่อคืนนี้ออกมาเคลียร์เรื่องที่เขานับ 1 2 3 เร็วเหลือเกิน ซึ่ง อาร์มสตรองก็ยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดไปจริงๆ ทริปเปิล เอชไม่เชื่อว่า อาร์มสตรองจะแค่ทำผิดพลาด ต้องมีเบื้องหลังอะไรมากกว่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วจึงต้องยึดแชมป์คืน ไบรอันไม่ยอมคืน ออร์ตันออกมา และไบรอันกับออร์ตัน ก็ทำท่าจะต่อยกัน แต่ทริปเปิล เอชสั่งห้ามไว้ และก็บอกให้ส่งคืนเข็มขัดแชมป์มาได้แล้ว ไบรอันไม่ยอมคืน เลยโดน RKO เข้าไป แล้วทริปเปิล เอชก็เอาเข็มขัดไปจนได้ ในศึก แบทเทิลกราวด์ ไบรอันได้เจอกับออร์ตัน เพื่อชิงแชมป์ WWE ที่ว่างอยู่ สุดท้ายแมตช์จบลงโดยไม่มีผลการตัดสิน เพราะ บิ๊กโชว์ออกมาลากกรรมการไปเหวี่ยงทิ้งจนสลบ จากนั้นก็ปล่อยหมัดน็อคใส่ไบรอัน แบรด แมดด็อกซ์ตามออกมาพร้อมกับกรรมการสก็อตต์ อาร์มสตรอง ที่โดนไล่ออกไปแล้ว และอาร์มสตรองก็มานับให้ออร์ตันกดไบรอัน แต่บิ๊กโชว์ก็มาลากสก็อตต์ลงเวทีแล้วปล่อยหมัดน็อคอีก ออร์ตันโวยวายใส่บิ๊กโชว์ แล้วก็โดนปล่อยหมัดน็อคไปอีกคน
Posted on: Mon, 28 Oct 2013 07:47:22 +0000

Recently Viewed Topics




© 2015