ประโยชน์จากกล้วยน้ำว้า - TopicsExpress



          

ประโยชน์จากกล้วยน้ำว้า 4 วัย กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่ใกล้ชิดคน ไทยที่สุด เด็กไทยสมัยก่อน โตมากับกล้วยน้ำว้ากันทั้งนั้น นอกจากข้าวสุกบดแล้วก็มีกล้วยน้ำว้า เป็นเหมือนอาหารเสริมประจำที่ไม่ต้องซื้อหา เพราะทุกครัวเรือน มีกล้วยปลูกไว้สำหรับเป็นผลไม้ เป็นอาหารและสารพัดขนม กินกันได้ตลอดทั้งปี >>> การใช้ทำยา >>สรรพคุณ >ประโยชน์ • กล้วยดิบ มี สารฝาดสมานชื่อแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ไม่ให้เชื้อโรคและของ รสเผ็ดจัด เช่น พริกเข้าไปทำลายผนังกระเพาะลำไส้ ช่วยแก้ท้องเสีย วิธีการกินกล้วยเป็นยา ก็ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อกินเป็นยาแก้โรค กระเพาะ ควรนำกล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบางๆ แล้วอบให้แห้งที่ อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ห้ามใช้ความร้อนสูงกว่านี้เด็ดขาด เพราะสารในกล้วยมีฤทธิ์รักษาโรคกระเพาะนั้นจะสูญเสีย ไปหรือหมดฤทธิ์ไปเลยก็ ได้ ถ้าโดนความร้อนสูงมากเกินไป กล้วยดิบ ที่ผ่านการอบอุณหภูมิต่ำแล้ว ให้นำมาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชา จะผสมกับน้ำผึ้งหรือไม่ก็ได้ กิน 3 ครั้งก่อนอาหาร กล้วยดิบๆ มีฤทธิ์ทั้งป้องกันและรักษาโรคกระเพาะ ส่วนยาแผนปัจจุบันทุกขนานที่ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารนั้น มีฤทธิ์เพียง ป้องกันแต่ไม่ช่วยรักษา กล้วยจึงเป็นยารักษาโรคกระเพาะ ที่มีราคาถูกที่สุด และหาง่ายที่สุด •• กล้วยที่เพิ่งเริ่มสุก (กล้วยห่าม) เปลือกยัง สีเขียวอยู่ประปราย เป็นทั้งยาและอาหารที่ดีมาก สำหรับคนท้องเสีย เพราะนอกจากจะช่วยแก้ท้องเสียแล้วยังช่วยหล่อ ลื่นลำไส้ ช่วยเพิ่มกากเวลาถ่าย กล้วยกึ่งดิบกึ่งสุกยังมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก ดังนั้นเวลาใช้กล้วย แก้ท้องเสีย ก็เท่ากับให้ธาตุโพแทสเซียม ไปในตัวด้วย ตามธรรมดาคนไข้มักสูญเสียธาตุโพแทสเซียมในเวลาท้องร่วง การกล้วยห่ามจึงเป็นการชดเชยธาตุโพแทสเซียมที่เสียไป เพราะถ้า ร่างกายสูญเสียธาตุโพแทสเซียมไปมากๆ ขณะท้องร่วง จะทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ ในคนชราอาจทำให้หัวใจวาย ตายได้ ยิ่งไปกว่านั้นกล้วยที่เริ่มสุกจะมีสารเซโรโทนินอยู่มาก ช่วย ออกฤทธิ์ กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วย เคลือบแผลในกระเพาะอาหาร แต่ไม่ช่วยลดการหลั่งกรดใน กระเพาะอาหาร ••• กล้วยสุก มี สรรพคุณ ตรงกันข้ามกับกล้วยดิบ คือกล้วยสุกกลับเป็น ยาระบายแก้ท้องผูก เพราะมีสาร เพ็กติน อยู่มาก ช่วยเพิ่มกากใน ลำไส้ กล้วยที่สุกงอมมากๆจะมีฤทธิ์ระบายสูง เพราะมีสารเพ็กติน มากขึ้นนั่นเอง ฤทธิ์ระบายของกล้วยน้ำว้าสุก ไม่รุนแรงมากต้องกินเป็นประจำวันละ 5-6 ลูก จึงจะเห็นผล อุจจาระ ที่ออกมาเป็นสีเหลือง ไม่มีกลิ่นเหม็น การกินกล้วยสุกก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียด นานๆ เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่มีแป้งอยู่ถึง 20 -25 % ของเนื้อกล้วย จึงสามารถนำมาเป็นอาหารเสริมให้เด็กเล็กได้ ตามปกติ กระเพาะมีเอนไซม์ย่อยแป้งน้อย การเคี้ยวกล้วย ให้แหลกละเอียดจะช่วยแป้งได้มากก่อนกลืนลงกระเพาะ หากกิน กล้วยโดยเคี้ยวหยาบๆจะทำให้ท้องอืด จุกแน่นโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ควรเริ่มให้กินกล้วยสุกเมื่อเด็กเริ่มกินข้าวบดได้ อายุราว 3 เดือน โดยขูดเนื้อกล้วยสุก (ไม่เอาไส้กล้วย เพราะจะทำให้เด็กท้องผูก) ให้กินคราวละน้อยๆ ไม่ควรเกินครึ่งช้อนชา วันละครั้ง เพราะเด็กยังมีน้ำย่อยแป้งไม่พออาจเกิดอาการท้องอืดได้ เด็กอายุ ครบขวบกินกล้วยครั้งละ 1 ลูก วันละครั้งก็พอ •••• กล้วยสุกงอม กล้วยที่สุกเต็มที่จะสร้างสารที่เรียกว่า TNF(Tumor Necrosis Factor) ซึ่งมีความสามารถที่จะไปต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้น ยิ่งมีจุดดำนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดภูมิต้านทานมากขึ้น ในการทดลองกับสัตว์โดยศาสตราจารย์ญี่ปุ่นผู้หนึ่ง แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ในการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จาก ผลไม้ต่างๆ โดยใช้ กล้วย องุ่น แอปเปิล แตงโม สับปะรด ลูกแพร์ ลูกพลับ ปรากฏว่ากล้วยให้ผลดีที่สุดมันช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย และสร้างสารต้านมะเร็ง TNF คำแนะนำคือ: ให้กินกล้วยวันละ 1-2 ใบเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอื่นๆ กล้วยทีมีผิวเหลืองและมีจุดดำๆ หลายๆ แห่งจะมีคุณสมบัติในการเพิ่มเม็ดเลือดขาวได้มากกว่ากล้วย ที่มีผิวเขียวถึง 8 เท่า นอกจากนี้ เด็กที่มีผิวหนังเป็นตุ่มคันจากยุงกัด มดกัด หรือเป็นผื่นคันเนื่องจากลมพิษ สามารถใช้เปลือกกล้วยน้ำว้าสุก ด้านใน ทาถูบริเวณนั้นสักครึ่งนาที รับรองว่าอาการคันจะหายเป็น ปลิดทิ้ง นี่เป็นเคล็ดลับภูมิปัญญาไทย ที่ใช้กล้วยน้ำว้าเป็นยา สามัญประจำครัวเรือน กล้วยน้ำว้ามีประโยชน์มากมายมหาศาล นอกจากกล้วยที่เป็นผลไม้ อาหาร และสารพัดขนม ใบตองกล้วยยังใช้ทำกระทงใส่ข้าว ของคาว ของหวาน แทนถ้วยชาม กาบกล้วยใช้ทำเชือก ซึ่งไม่เคยก่อปัญหาภาวะต่อ สิ่งแวดล้อม คนไทยในยุคน้ำมันแพง น่าจะหันกลับมาสร้างค่านิยมปอกกล้วยเข้าปาก เพื่อสุขภาพ พลานามัยที่ดีในราคาประหยัดสุดคุ้มเหมือนในยุคปู่ย่าตายายของเรา
Posted on: Fri, 21 Jun 2013 07:55:01 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics



===

© 2015