มะรุม มารุม มะเร็งๆ - TopicsExpress



          

มะรุม มารุม มะเร็งๆ ๆๆๆๆ มะรุม ภาษาอังกฤษ : Moringa ส่วนมะรุมชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam. วงศ์ Moringaceae และมีการเรียกชื่อมะรุมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภาค เช่น ภาคเหนือจะเรียกว่า “บะค้อนก้อม” ถ้าเป็นภาคอีสานจะนิยมเรียกกันว่า “ผักอีฮุม” หรือ “บักฮุ้ม” จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพรโดยมีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย อย่างประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยเป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ปลูกง่ายในเขตร้อน ทนแล้ง สามารถรับประทานได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ฝัก ใบ ดอกเมล็ด ราก เป็นต้น แต่ถ้านำมาใช้เป็นยาสมุนไพรนั้นจะใช้เกือบทุกส่วนของต้นมะรุมรวมทั้งเปลือกด้วย สรรพคุณของมะรุมนั้นมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมหลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของมะรุมก็คือจะมีวิตามินเอ ซี แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ของมะรุมในการรักษาโรคได้หลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรจะมองว่ามะรุมเป็นยามหัศจรรย์ที่ใช้ในการรักษาโรค แต่ควรจะมองมันเป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์กับร่างกายเสียมากกว่า เพราะการศึกษาหลายอย่างๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย มะรุม กับความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ มะรุมก็ไม่ได้ปลอดภัยไปเสียทีเดียว เพราะในตัวของมะรุมเองนั้นก็เป็นพิษด้วยเหมือนกัน เพราะมะรุมเป็นพืชในเขตร้อน หากหญิงตั้งครรภ์รับประทานก็อาจจะทำให้แท้งบุตรได้หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือผู้ป้วยโรคเลือดก็ไม่ควรรับประทานเนื่องจากจะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย และยังรวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคเกาต์ก็ไม่ควรรับประทาน เพราะมะรุมมีโปรตีนที่ค่อนข้างสูงมาก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ความว่ามันจะไม่ปลอดภัย เพราะคนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารมานานมากแล้ว ซึ่งสำหรับผู้ที่คิดจะดูแลสุขภาพด้วยการหันไปซื้อมะรุมสกัดแคปซูลมารับประทานนั้น ก็ควรจะต้องระมัดระวังและควรเลือกซื้อมะรุมแคปซูลที่มีอย.ด้วย มะรุม ในส่วนของใบมะรุมควรรับประทานใบสดๆที่ไม่แก่มากหรืออ่อนเกินไป และไม่ควรถูกความร้อนนานเกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์ของสารอาหารอย่างเต็มที่ ซึ่งการใช้ใบนำมาประกอบอาหารสิ่งที่ต้องระวังก็คือไม่ควรให้เด็กทารกในวัยเจริญเติบโตถึง 2 ขวบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปเพราะใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง หรือเด็กที่อายุ 3-4 ขวบควรรับประทานแต่เพียงเล็กน้อย และไม่ว่าจะวัยไหนก็ตามก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ (ไม่ได้เกิดกับทุกคน) ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย คุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุมสดต่อ 100 กรัม มะรุมพลังงาน 37 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม ใยอาหาร 3.2 กรัม ไขมัน 0.20 กรัม โปรตีน 2.10 กรัม น้ำ 88.20 กรัม วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม 1% วิตามินบี1 0.0530 มิลลิกรัม 5% วิตามินบี2 0.074 มิลลิกรัม. 6% วิตามินบี3 0.620 มิลลิกรัม 4% วิตามินบี5 0.794 มิลลิกรัม 16% วิตามินบี6 0.120 มิลลิกรัม 9% วิตามินบี9 44 ไมโครกรัม 11% วิตามินซี 141.0 มิลลิกรัม 170% ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม 3% ธาตุเหล็ก 0.36 มิลลิกรัม 3% ธาตุแมกนีเซียม 45 มิลลิกรัม 13% ธาตุแมงกานีส 0.259 มิลลิกรัม 12% ธาตุฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม 7% ธาตุโพแทสเซียม 461 มิลลิกรัม 10% ธาตุโซเดียม 42 มิลลิกรัม 3% ธาตุสังกะสี 0.45 มิลลิกรัม 5% % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database) คุณค่าทางโภชนาการของฝักมะรุมต่อ 100 กรัม มะรุมสรรพคุณพลังงาน 37 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม ใยอาหาร 3.2 กรัม ไขมัน 0.20 กรัม โปรตีน 2.10 กรัม น้ำ 88.20 กรัม วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม 1% วิตามินบี1 0.0530 มิลลิกรัม 5% วิตามินบี2 0.074 มิลลิกรัม 6% วิตามินบี3 0.620 มิลลิกรัม 4% วิตามินบี5 0.794 มิลลิกรัม 16% วิตามินบี6 0.120 มิลลิกรัม 9% วิตามินบี9 44 ไมโครกรัม 11% วิตามินซี 141.0 มิลลิกรัม 170% ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม 3% ธาตุเหล็ก 0.36 มิลลิกรัม 3% ธาตุแมกนีเซียม 45 มิลลิกรัม 13% ธาตุแมงกานีส 0.259 มิลลิกรัม 12% ธาตุฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม 7% ธาตุโพแทสเซียม 461 มิลลิกรัม 10% ธาตุโซเดียม 42 มิลลิกรัม 3% ธาตุสังกะสี 0.45 มิลลิกรัม 5% % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database) ประโยชน์ของมะรุม สรรพคุณของมะรุมมะรุม สรรพคุณ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ไม่ให้หยาบกร้าน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัย (น้ำมันมะรุม) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยรักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 10 ขวบ มะรุม ลดความอ้วน ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย (ฝัก) มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง (ใบ,ดอก,ฝัก,เมล็ด,เปลือกของลำต้น) ช่วยรักษาโรคมะเร็งในกระดูก ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้อาการแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง มะรุม ลดความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบ,ฝัก) ใช้รักษาโรคหัวใจ (ราก) มะรุม ลดน้ำตาล ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โดยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล ใช้รักษาโรคหอบหืด (Asthma) (ยาง) ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคที่ต่ำลงของผู้ป่วยเอดส์ ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย (ดอก) ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ราก) ช่วยคุมธาตุอ่อนๆ (เปลือกของลำต้น) แก้ลมอัมพาต (เปลือกของลำต้น) ใช้ขับน้ำตา (ดอก) ใช้บำรุงสุขภาพและรักษาดวงตาให้สมบูรณ์ ช่วยรักษาโรคตาได้เกือบทุกโรค อย่าง โรคตาต้อ ตามืดมัว เป็นต้น สรรพคุณมะรุมช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคโพรงจมูกอักเสบ น้ำมันมะรุมใช้นวดศีรษะ ฆ่าเชื้อชาบนหนังศีรษะ แก้อาการคันหนังศีรษะ ลดผมร่วง (น้ำมันมะรุม) ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ,น้ำมันมะรุม) ใช้แก้ไข้ และถอนพิษไข้ (ใบ,ยอดอ่อน,ฝัก,เมล็ด) ใช้แก้อาการไข้หัวลม หรืออาการไข้เปลี่ยนฤดู (ดอก) ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัด (เมล็ดมะรุม) ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรังให้ดีขึ้น (เมล็ดมะรุม) ช่วยบรรเทาอาการและลดสิวบนใบหน้า (น้ำมันมะรุม) ช่วยลดจุดด่างดำจากแสงแดด (น้ำมันมะรุม) ประโยชน์ของมะรุมใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ใบ) ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ยาง) ช่วยแก้อาการปวดหู (Earache) (ยาง) น้ำมันมะรุมใช้หยอดหูเพื่อป้องกันและฆ่าพยาธิในหู รักษาโรคหูน้ำหนวก เยื่อบุหูอักเสบ ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ ช่วยรักษาแผลในปากหรือแผลจากโรคปากนกกระจอก นำเปลือกของลำต้นมาเคี้ยวกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร (เปลือกของลำต้น) ช่วยขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ (เปลือกของลำต้น) สรรพคุณช่วยในการคุมกำเนิด (เปลือกของลำต้น) ช่วยบำรุงและรักษาปอดให้แข็งแรง และรักษาโรคปอดอักเสบ เมล็ดมะรุมวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน ช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็นไปอย่างปกติและสม่ำเสมอ (เมื่อขับเป็นปกติแล้วควรหยุดรับประทาน) ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบ อาการท้องเสีย ท้องผูก ช่วยรักษาและขับพยาธิในลำไส้ (เมล็ดมะรุม) ช่วยในการขับปัสสาวะ(ใบ,ดอก) ช่วยแก้อาการอักเสบ (ใบ) ช่วยรักษาโรคไขข้อ (Rheumatism) (ราก) ช่วยรักษาโรคเกาต์ ช่วยรักษาโรคกระดูกอักเสบ ช่วยรักษาโรครูมาติซั่ม ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ ไต น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อตามบั้นเอวและขา น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ ใช้แก้อาการปวดตามข้อ (เมล็ด) แก้อาการบวม (ราก,เมล็ด) ช่วยลดอาการผื่นคันตามผิวหนัง และการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กทารก (น้ำมันมะรุม) ช่วยรักษาบาดแผล แผลสดเล็กๆน้อยๆ (ใบ,น้ำมันมะรุม) ช่วยถอนพิษและลดอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย (น้ำมันมะรุม) ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ใบ,ดอก) ใช้รักษาเชื้อราตามผิวหนัง ศีรษะ ตามซอกเล็บ โรคน้ำกัดเท้า (น้ำมันมะรุม) สรรพคุณมะรุมน้ำมันมะรุมใช้ทารักษาหูด ตาปลา ช่วยรักษาโรคเริม งูสวัด ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ต้านจุลชีพ ช่วยฆ่าเชื่อไทฟอยด์ (ยาง) ช่วยรักษาโรคซิฟิลิส (syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง (ยาง) การรับประทานมะรุมในช่วงตั้งครรภ์ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ของเด็กทารก ฝักมะรุมนำมาใช้เป็นไม้ตีกลองได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะในแถบอินเดีย ใบสดนำมารับประทานได้ ส่วนใบแห้งนำมาทำเป็นผง เมล็ดบางครั้งนำมาคั่วรับประทานเป็นถั่วได้ เมล็ดมะรุมเมื่อนำมาบดละเอียดสามารถนำไปใช้กรองน้ำได้ทำให้น้ำตกตะกอนและฆ่าเชื้อโรคในน้ำ น้ำที่ได้จะค่อนข้างสะอาดและมีรสออกหวาน น้ำมันที่จากการคั้นเมล็ดสด นำมาใช้เป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร น้ำมันมะรุมนำมาใช้ในการปรุงอาหารชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอก แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนในภายหลัง น้ำมันมะรุมนำมาใช้เป็นน้ำยาหล่อลื่นต่างๆประจำบ้าน และช่วยป้องกันสนิม ประโยชน์มะรุมนิยมนำมะรุมไปทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานเป็นผักอย่าง แกงส้ม แกงลาว แกงอ่อม แกงกะหรี่ ยำฝักมะรุม ส่วนดอกมะรุมลวกรับประทานกับน้ำพริก ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อนนำไปต้มสุกรับประทานร่วมกับแจ่ว ลาบ ก้อย นำมาแปรรูปเป็น “มะรุมแคปซูล” สำหรับเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผัก แต่อยากได้คุณประโยชน์ทางด้านสมุนไพร นำมาสกัดเป็นน้ำมันมะรุม ซึ่งมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย ชะลอความแก่ กล่าวกันว่า มะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจาก มะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน (rutin และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และ caffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย tfljournal.org/article.php/20051201124931586 imaginezambia.org/wp-content/uploads/Moringa-Studies-IRDI.pdf
Posted on: Fri, 30 Aug 2013 05:58:43 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015