เข้าสู่ “จุดเปลี่ยน” คงรั้งไม่หยุด-ฉุดไม่อยู่ อีกต่อไปแล้ว...สำหรับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ มีวันนี้...เพราะพี่ให้ ระดับถึงกับตัดสินใจออกเป็นมติพรรค ห้ามมิให้ ส.ส.รายใด ไม่ว่าแดงหรือไม่แดงขนาดไหน คิดจะโหวตสวนในวาระ 2 วาระ 3 เป็นอันขาด!!! อันนี้ต้องเรียกว่า...ถือเป็นการยืนยัน สัญญาทาส ระหว่าง นายใหญ่ และเหล่าปวง ขี้ข้า ชนิดพระราชบัญญัติการเลิกทาสเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วแทบไม่มีผลบังคับใช้เอาเลยแม้แต่น้อย... ----------------------------------------------- ในเมื่อบรรดา ส.ส.พรรคเผาไทยโดยส่วนใหญ่ พร้อมแล้วที่จะแสดงตัวเป็น ทาสที่ปล่อยไม่ไป ก็คงเหลือแต่บรรดาอิสรชน เสรีชน ทั้งหลายในประเทศนี้นั่นแหละ ว่าจะเอาไงกันต่อ...จะยอมปล่อยให้ประเทศไทยย้อนยุคกลับไปสู่สมัยพระเจ้าเหายังคงใส่กางเกงหูรูด ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ที่เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนแพ็กเกจ เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ มาเป็นทุนสามานยะนาญาสิทธิราชย์ แต่โดยเนื้อหาแล้วคงไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากกันซักเท่าไหร่ นั่นก็คือ ทักษิณ แคน ดู โน รอง คือขึ้นชื่อว่า นายใหญ่ ซะอย่างแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามเอาไว้ ย่อมต้องถือว่าไม่ผิด หรือสามารถล้างผิดได้เสมอๆ... --------------------------------------------------- การแสดงออกถึงความย่ามใจ ลำพองใจ ในคราวนี้...ว่ากันว่าน่าจะมีที่มาจากหลักคิด วิธีคิด อยู่ประมาณ 2 ประการด้วยกันคือ หนึ่งนั้นเชื่อว่า...บรรดาอิสรชน เสรีชน ในสังคมไทยทุกวันนี้ แทบไม่เหลือวอเตอร์ เมดิซีน เอาไว้คลุกกับขนมจีนได้มากมายซักเท่าไหร่ โดยประเมินจากบททดสอบของม็อบในแต่ละครั้งเท่าที่ผ่านมา ที่ยังหาหัว หาหางกันไม่เจอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอกับแรงกดดันของ กองทัพตำรวจ ซึ่งได้แสดงออกถึง ความเป็นเอกภาพแห่งความเป็นทาส ยิ่งกว่าพวก ส.ส.หรือนักการเมืองด้วยซ้ำ ล้วนมีแต่ต้องหนียะย่ายพ่ายจะแจ ต่อไม่ติด ไปไม่ได้ ไปไม่เป็น ซะทุกครั้งไป อีกทั้งยังเชื่อด้วยว่า...ระหว่างที่ตำรวจกำลังไล่ทุบ ไล่กระทืบ ใครต่อใครอย่างมันซ์ซ์ซ์มือมันซ์ซ์ซ์ตีนอยู่นั้น ถ้าหาก ทหาร อยู่เฉยๆ พร้อมที่จะเอามือซุกหีบซะอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะแฮปปี้วาเลนตีนได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์... ------------------------------------------------------ ส่วนประการที่สองก็คือว่า...เชื่อว่าบรรดาพวกแดงๆ ทั้งหลายจะหาผู้ที่มีลักษณะอุปนิสัยแบบ อำแดงเหมือนกับนายริต นั้น...มีอยู่น้อยมาก!!! เพราะเท่าที่ประเมินจากบททดสอบในตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ปัญญาชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ตลอดไปจนถึงมวลชนไม่ว่าจะจัดอยู่ในประเภทชนชั้นล่าง ชนชั้นกลางระดับล่าง ชนชั้นกลางระดับสูง ไปจนถึงชนชั้นกลางใหม่ กลางเก่า ก็แล้วแต่ ล้วนแต่แสดงออกถึงความรักสมัครใจพร้อมที่จะยอมเป็นทาสมาโดยตลอด พูดง่ายๆ ว่าไม่ใช่แค่เฉพาะได้รับเศษเนื้อข้างเขียงเพียงไม่กี่ชิ้น กระทั่งแค่ออกค่าเครื่องบิน ซื้อตั๋วให้ไปดูฟุตบอลวันแดงเดือดถึงขอบสนามเท่านั้น ก็พร้อมที่จะอมสาก คาบสาก ค้อมหัวศิโรราบให้กับระบอบทุนสามานย์โดยไม่คิดจะปริปากใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย... --------------------------------------------------------- การอาศัย อำนาจรัฐ เท่าที่มีอยู่ในมือ กระทำการ หักดิบ ล้มระบบกฎหมาย ล้มระบบนิติรัฐ ในคราวนี้...แม้ว่าจะออกไปทางหยาบๆ ดื้อๆ ทื่อๆ ง่ายๆ สะท้อนให้เห็นถึง ความโง่ ของฝ่ายกำหนดยุทธศาสตร์พรรคเผาไทยอย่างเห็นได้โดยชัดเจน แต่ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า...สังคมไทยนั้นประกอบไปด้วย ควาย ซะเป็นส่วนใหญ่ การอาศัยยุทธศาสตร์ควายๆ มารับมือกับปวงประชาชาวควายทั้งหลาย จึงอาจถือเป็นความฉลาดในอีกรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นไปตามวาทะที่นักปราชญ์ยุคโบร่ำโบราณได้เคยเอ่ยเอาไว้ว่า ที่ใดที่โง่ดีกว่าฉลาด...ที่นั้นฉลาดก็คือโง่ นั่นเอง ความพยายามใส่เกียร์เดินหน้า ผลักดันพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ทะลุซอย มันจึงเป็นไปในแบบไม่คิดจะบันยะบันยังใดๆ เอาเลย ออกอาการว่าพร้อมจะรวบหัว รวบหาง ภายในช่วงเวลาไม่เกินต้นเดือนหน้าเป็นต้นไป... ------------------------------------------------------- ด้วยเหตุนี้...ก็คงต้องมาชั่งน้ำหนักกันดูนั่นแหละว่า บรรดาปวงชนชาวไทยโดยส่วนใหญ่จะเหลือผู้ที่ยังคงความเป็นมนุษย์ มนา ความเป็นอิสรชน เสรีชน ติดบ้าน ติดเมือง ติดประเทศอยู่อีกซักกี่คน จะจัดอยู่ในระดับหลักร้อยเหมือนม็อบกองทัพชรา ระดับหลักพันเหมือนม็อบอุรุพงษ์ หรือพรวดพราดขึ้นไปในระดับหลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน ได้หรือไม่ อันนี้...ก็คงอีกไม่นานเกินรอนั่นแหละ คงพอได้รับคำตอบได้โดยไม่ต้องไปเสียเวลาตั้งคำถามให้มากเรื่อง มากความ โดยเฉพาะถ้าหากแต่ละฝ่าย แต่ละราย หันมาตั้งคำถามเอากับตัวเอง หรือหันไปถามใจตัวเองกันดูบ้าง ว่าจะเกลียดสลิ่ม เกลียดประชาธิปัตย์ ถึงขั้นพร้อมจะยอมเป็น ทาสแม้ว ไปตลอดกาลกันเลยเชียวหรือ เกลียด ศักดินา เกลียด อำมาตย์ จนพร้อมที่จะหันไปกราบกราน เลียไข่ พร้อมศิโรราบให้กับศักดินารายใหม่ชนิด ทักษิณ แคน ดู โน รอง ไปถึงขั้นนั้นกันเลยหรือเปล่า... ------------------------------------------------------ ถ้าหาก ความเกลียด ดังกล่าวมันไม่ถึงกับร้ายแรง รุนแรง ถึงขั้นจะต้องทำให้ตัวเองต้อง โง่ ตามความเกลียดเหล่านั้นไปด้วย อวิชชา ที่บดบังสายตา บดบังสติปัญญาทั้งหลาย ย่อมต้องถูกขจัดออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อย และนั่นย่อมทำให้บรรดาอิสรชน เสรีชน ทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน สีไหนต่อสีไหน น่าจะ ตาสว่าง ขึ้นมาพร้อมๆ กัน การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปพร้อมๆ กับการสลายสี สลายฝ่าย เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่บนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่ระบอบเผด็จการทุนสามานย์ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์... -------------------------------------------------------- ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Cullen Hightower... “Love is what is left in a relationship after all the selfishness has been remove.- ความรัก (สามัคคี) คือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในความสัมพันธ์ หลังจากที่ความเห็นแก่ตัวได้ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว...”. ------------------------------------------------------- ท่านขุนน้อย ไทยโพยต์ 28 October 2556 - 00:00
Posted on: Mon, 28 Oct 2013 14:47:14 +0000
Trending Topics
Recently Viewed Topics
© 2015