ESTEE LAUDER Advanced Night Repair Synchronized Recovery Complex II 50ML เซรั่มล้ำหน้าและทรงอานุภาพ จะช่วยเลือนสัญญาณแห่งผิวร่วงโรยที่สำคัญอย่างเห็นได้ชัดเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เส้นริ้วรอยแลดูลดลง ดูสุขภาพผิวดี ชุ่มชื่นขึ้น พร้อมปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายในแต่ละวัน ซึ่งได้รับการพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพว่าเหมาะกับผิวทุกเชื้อชาติ ผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงผิวในยามค่ำคืนนี้เป็นนวัตกรรมใหม่ที่การันตีประสิทธิภาพด้วย 24 สิทธิบัตรและรอการจดสิทธิบัตรอีกหลายฉบับทั่วโลก* ด้วยเทคโนโลยี ChronoluxCB Technology ลิขสิทธิ์เฉพาะ ใหม่ล่าสุด ได้นำคุณประโยชน์แห่งการมอบการฟื้นบำรุงผิวในช่วงกลางคืน ผสานเทคโนโลยีของ กระบวนการ PURIFICATION และกระบวนการฟื้นบำรุงที่ทำงานอย่างสอดคล้องประสานกันตามเวลาของวงจรธรรมชาติของร่างกายเพื่อให้การฟื้นบำรุงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด วิธีการใช้ หยดเนื้อผลิตภัณฑ์ 1-2 หยดที่ปลายนิ้วมือ จากนั้นทาเบาๆบนใบหน้าและลำคอที่สะอาดก่อนการลงมอยซ์เจอไรเซอร์ Product Reviews : หลังจากที่วางออกสู่ตลาดเมื่อปี 1982 และมีการปรับสูตรครั้งต่อมาในปี 1991 ล่าสุดในปี 2009 ทาง Estée Lauder ก็ได้จับ : Advanced Night Repair สูตรเก่ามาปัดฝุ่นใหม่เสียที โดยความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือการเพิ่มส่วนผสมใหม่เข้ามาอีก 3 ตัว เริ่มต้นด้วย Arabidopsis Thaliana Extract กับ Tripeptide-32 และ Lactobacillus Ferment Arabidopsis Thaliana เป็นส่วนผสมภายใต้ชื่อทางการค้าว่า Roxisomes™ โดยบริษัท AGI Dermatics (ซึ่งทาง Estée Lauder ได้ซื้อกิจการไปในปี 2008 จะเห็นได้ว่าส่วนผสมใกล้เคียงกันนี้ถูกใช้ใน Clinique และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของแบรนด์ในเครือ ELCA ด้วย) ซึ่งทางบริษัทเคลมว่าพืชชนิดนี้มีสารประกอบของ 8 Oxo-Guanine Repair Enzyme (OGG1) โดยใช้ Liposome เป็นระบบนำพาสาร เพื่อช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแสงแดดและรังสี UV รวมถึงการลดปริมาณการหลั่งเอนไซม์ MMP1 (Matrix Metalloproteinase-1) ที่ทำลายเส้นใยคอลาเจน นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่อง DNA Repair อีกด้วย Lactobacillus Ferment หรือในชื่อทางการค้าว่า Adasomes™ จากบริษัท AGI Dermatics อีกเช่นกัน ส่วนผสมตัวนี้เป็นผลที่ได้มาจากการหมักบ่มของแบคทีเรีย Lactobacillus (ในนมเปรี้ยวนั่นแหล่ะ) แต่ทางบริษัทไมได้เปิดเผยว่าสารที่เป็นผลสำเร็จจากการหมักบ่มแบคทีเรียนั้นคือสารอะไร ตัวนี้เขาเคลมในเรื่องของ DNA Repair อีกเช่นกัน ส่วนผสมใหม่ตัวสุดท้ายคือ Tripeptide-32 ในชื่อทางการค้าว่า Chronolux™ ผลิตโดย ISP-Vincience ซึ่งเคลมว่าเปปไทด์ชนิดนี้จะไปเข้าไปกระตุ้นและปรับเปลี่ยนการทำงานของ CLOCK Gene ให้เป็นปกติ ซึ่ง CLOCK นี้ย่อมาจาก (Circadian Locomotor Output Cycles Kaput) หรือนาฬิกาทางชีวภาพในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง ซึ่งยีนชนิดนี้มีอยู่ในเซลล์ผิวของเราด้วย ดังนั้นผู้ที่มีการทำงานเป็นกะ พักผ่อนไม่เป็นเวลา จะทำให้ยีนตัวนี้ทำงานผิดปกติไปได้ ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมว่าเปปไทด์ชนิดนี้จะช่วยเข้าไปปรับปรุงนาฬิกาชีวภาพในผิวให้ทำงานเป็นปกติขึ้น ส่วนผสมอื่น ๆ นั้นยังคงเหมือนกับ Advanced Night Repair รุ่นก่อน ๆ โดยมีส่วนผสม Bifida Ferment Lysate หรือ CLR : REPAIR COMPLEX CLR™ PF ซึ่งผู้ผลิตสารชนิดนี้ไม่เคยเปิดเผยเลยว่าสารที่แท้จริงที่ได้จากการหมักบ่มแบคทีเรีย Bifidus นั้นเป็นสารชนิดใด แต่เขาเคลมว่าสารตัวนี้ช่วยในเรื่องของการซ่อมแซม DNA เสริมภูมิคุ้มกันของผิวและลดความเสียหายจากรังสี UV ตามมาด้วยส่วนผสมที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอย่าง Kola Extract, Retinyl Palmitate, Caffeine, Tocopheryl Acetate กับส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและระคายเคืองผิวอย่าง Bisabolol, Chamomile และส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นอย่าง Pantethine (รูปแบบของ Vitamin B5 ที่เซลล์สามารถนำไปใช้ได้ทันที) กับ Sodium Hyaluronate ที่โอบอุ้มความชื้นได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง 1,000 เท่า (และ Advance Night Repair เป็นผลิตภัณฑืชนิดแรกที่ใช้ส่วนผสมนี้เมื่อปี 1982) ส่วน Ethylhexyl Methoxycinnamate หรือสารกรองรังสี UVB มีในปริมาณน้อยไม่ได้ช่วยปกป้องผิว คาดว่าถูกใส่มาเพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ในระหว่างการเก็บรักษามากกว่า เนื้อผลิตถัณฑ์เป็นแบบเซรั่ม/เจลสีออกน้ำตาลอ่อน ๆ ที่บางเบาในระดับหนึ่งเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ให้ความชุ่มชื้นกำลังดี (คนผิวมันใช้เซรั่มตัวนี้แทนมอยซ์เจอไรเซอร์ได้เลยนะ) เซรั่มตัวนี้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ (อันเป็นเอกลักษณ์ของ Advanced Night Repair) ก็อย่าพึ่งเข้าใจไปว่ามีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็น Fragrance-Free โดยรวมแล้วนี่เป็นเซรั่มที่น่าสนใจอีกหนึ่งชิ้น เทคโนโลยีเบื้อหลังนั้นมีความทันสมัยมากขึ้นเพียงแต่ยังขาดข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ มาสนับสนุน สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ทุกเพศ ทุกวัย แน่นอนว่าสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยครับ
Posted on: Thu, 28 Nov 2013 07:42:07 +0000
Trending Topics
Recently Viewed Topics
© 2015