นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ โรคหัวใจและระบบหมุนเวียนโลหิต(จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2553 และก่อนหน้านั้น) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในประชาชนไทยเป็นอันดับที่ 3 ตามหลังโรคมะเร็ง กับอุบัติเหตุและการมีพิษ ซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของโรคในกลุ่มโรคหัวใจ เป็นที่น่าแปลกใจที่ไทยซึ่งเป็นประเทศที่กำลัง (กำลังมานานแล้ว เมื่อไหร่จึงจะเลื่อนเป็นพัฒนาเสียที!) พัฒนา ยังมีคนที่ยากจนอีกมาก แต่ทำไมจึงเป็นโรคนี้ กันมาก ผมเพิ่งไปศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข มี 825 เตียง ปัญหาโรคต่างๆ ของเขา ก็เหมือนที่อื่นๆ ในประเทศคือ โรคความดัน เบาหวาน หัวใจ ฯลฯ จากรายงานของ WHO ในปี ค.ศ. 2012 พบ 63% ของการเสียชีวิตของประชากรโลก เกิดจากโรคต่างๆ ที่ไม่ติดต่อ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ปัจจัยเสี่ยงของการมีโรคหลอดเลือดตีบและอุดตันคือ กรรมพันธุ์ เพศชาย อายุ ไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ อ้วน การไม่ออกกำลังกาย และอารมณ์ (เครียด มีภาวะกดดันมาก ตื่นเต้นมาก) กรรมพันธุ์ คือ การมีญาติผู้ชายสายตรงเป็นโรคนี้ก่อนอายุ 55 และญาติผู้หญิงเป็นก่อนอายุ 65 ปี อายุคือ เกิน 45 ปีในชาย 55 ในหญิง (ยิ่งสูงอายุยิ่งมีความเสี่ยง) ส่วนเพศนั้น ผู้หญิงมักไม่ค่อยเป็นโรคนี้ในช่วงที่มีประจำเดือน สำหรับโรคความดันโลหิตคือ ความดันระดับบน (systolic) สูงกว่า 140 มม.ปรอท ระดับล่าง (diastolic) สูงกว่า 90 มม.ปรอท หรือกำลังทานยาลดความดันโลหิตอยู่ ไขมันในเลือดผิดปกติ โรคอ้วน คือ ผู้ที่มี BMI มากกว่าเกณฑ์ (BMI คือ Body Mass Index ซึ่งก็คือดัชนีมวลกาย วิธีคำนวณ BMI คือ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง) การไม่ออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในตัวมันเอง ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่น้ำหนักเกิน (overweight)หรืออ้วนเล็กน้อย ยังมีความเสี่ยงน้อยกว่า ผู้ที่น้ำหนักไม่เกิน แต่ไม่ออกกำลังกายเลย และการทานอาหารที่มีไขมันโดยเฉพาะไขมันที่อิ่มตัวมาก ทั้งนี้ตั้งแต่เราเกิด จะมีขบวนการของการเกิดการตีบตันของหลอดเลือดทั่วร่างกายหรือที่ภาษาแพทย์เรียกว่า atherosclerosis แต่เกิดทีละเล็กละน้อย จากการสะสมไขมัน ในผนังหลอดเลือด ร่วมกับมีการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้รูหลอดเลือดค่อยๆ ตีบ จนตีบ 50-80% จึงเกิดมี อาการขึ้นมา หลอดเลือดจะมีพยาธิสภาพเหมือนกัน ทั่วร่างกาย แต่ที่หัวใจ สมอง ช่องท้อง และแขนขาจะมีอาการหรือโรคมากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ไปตรวจเลือดหาปัจจัยเสี่ยงคือ ต่างๆ ตั้งแต่อายุ 20 ปี และถ้าไม่มีอะไรก็ตรวจทุก 5 ปี หรือตามแพทย์แนะนำ ควรตรวจหา BMI ค่า BMI ของคนไทยควรอยู่ระหว่าง 18.5-23 ความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด (หาเบาหวาน ซึ่งก็จะเป็นโรคนี้เมื่อน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 12 ชั่วโมงสูงเกิน 126 มิลลิกรัม% ไขมันในในเลือด ควรหา total cholesterol หรือ cholesterol รวม หา triglyceride หา HDL และจาก 3 ตัวนี้แพทย์สามารถหา LDL ได้ ระดับ cholesterol ในเลือดควรอยู่ต่ำกว่า 200 มก.%, triglyceride ต่ำกว่า 150 มก.%, HDL (High Density Lipoprotein) เป็นไขมันที่ดี ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน ยิ่งสูงจะยิ่งดี ถ้าในชายต่ำกว่า 40 มิลลิกรัม% จะไม่ดี หญิงต่ำกว่า 50 มก.% จะไม่ดี ส่วน LDL (Low Density Lipoprotein) ควรอยู่ต่ำกว่า 130 มก.% ในผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือเบาหวาน ถ้าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือเบาหวาน LDL ควรอยู่ต่ำกว่า 100 มก.% ถ้าเป็นทั้ง 2 โรค LDL ควรอยู่ต่ำกว่า 70 มก.% แนวหน้า
Posted on: Sun, 25 Aug 2013 03:25:37 +0000
Trending Topics
Recently Viewed Topics
© 2015