บล.เคที ซีมิโก้ : - TopicsExpress



          

บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26/06/56 ปรับสูงขึ้น ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ปรับขึ้น ตามการแรลลี่ของตลาดหุ้นโลก หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบ โตดีกว่คาดและผ่อนคลายดอกเบี้ยจีน (+หุ้นกลุ่มเชื่อมเศรษฐกิจโลก การเงิน พลังงาน) +/-ไฮไลท์ วันนี้ จับตา USA 1Q56F GDP ครั้งที่3 คาดคงที่ 2.4%q-q saar , ฝรั่งเศส คาด 1Q56F GDP ครั้งที่ 2 คาดคงที่ -0.2%q-q sa /สิงคโปร์ คาด Industrial Production พ.ค. เติบโตลดลง (+0.1%y-y Vs +4.7%) +PBOC ส่งสัญญาณดูแลอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้สมเหตุสมผลช่วยหนุนตลาดหุ้น เอเชียฟื้นวานนี้ +/-แรงซื้อหนุนดัชนีฯ วานนี้มาจาก พอร์ตโบรกและกองทุนในประเทศ ส่วนต่างชาติขาย ต่อเป็นวันที่ 6 -2.132 พันลบ. (รวม 6วันขายสะสม -1.743 หมื่นลบ.และทั้งเดือน มิ.ย. ขาย - 4.94 หมื่นลบ. +KTZMICO ออกรายงานพอร์ตลงทุนเดือน ก.ค. (เดือน มิ.ย. ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย+36 % เป็นผลจากการทำสัญญา Short S50U13 ช่วยสร้างผลตอบแทน) คาดเดือน ก.ค. ดัชนีฯ มี รีบาด์กลางหรือปลายเดือน ก.ค. แนะนำ เตรียมปิดโพสิชั่น Short และแนะนำหุ้นกำไรเติบโตดี KK SINGER STPI GFPT นอกเหนือจากหุ้นปลอดภัย ปันผลดี BECL BTS INTUCH -บริษัทสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด ปรับเพิ่ม Initial Margin ตราสารอนุพันธ์ มี ผลตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. อาทิ SET 50 Index Future ปรับเพิ่ม 30% เป็น 98,800 บาทต่อ สัญญา จากเดิม 76,000 บาท แนะนำ: 1. หุ้นในกระแส : เทคนิค ซื้อ MFEC แนวต้าน 8.5/9.7 SRICHA แนวต้าน 36/40 และ TMB แนวต้าน 2.32/2.60 แนะนำ Trading Buy 3 วันสุดท้ายของสัปดาห์นี้ (มีจุดขายตัดขาดทุน 3%) หุ้น High Beta ลุ้น Window Dressing: MDX ITD UV CK LOXLEY STEC TRUE QH DEMCO GOLD BJC PF NVDR (หน่วย ล้านบาท) ซื้อสุทธิสูง ได้แก่ ADVANC+587 INTUCH +450 CPN +218 ROBINS+158 ส่วนขายสุทธิสูง ได้แก่ KBANK-1307 SCB -175 BAY-159 CPALL-98 BBL-84 Short สูงสุด ADVANC 98 BBL 91 JAS 76 KBANK 58 Cash Balance : หลักทรัพย์ที่หลุดต้นสัปดาห์หน้า ได้แก่ FORTH RCI หุ้นมีข่าว: PTT: บมจ.ปตท. ผู้ประกอบการกิจการพลังงานรายใหญ่ของไทย อยู่ระหว่าง การศึกษาตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน Market Outlook: โมเมนตัมบวกจาก Window Dressing ช่วยหนุนตลาดหุ้นสัปดาห์ นี้ (ขึ้นขาย ลงซื้อ) คาดดัชนีฯ ปรับสูงขึ้น แนวต้าน 1392/1404 จุด แนวรับ 1365/1350 จุด ข่าวดี ทาง การจีนส่งสัญญาณจะเข้ามาดูแลอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้สมเหตุสมผล การคาดว่าจะมี Window Dressing และสัญญาณ Oversold ทางเทคนิค จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการแรลลี่ของ ตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนปิดงวดบัญชีไตรมาส 2/56 (กลางปี56) อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแรลลี่ ดังกล่าวเป็นเพียงข่าวบวกชั่วคราว (สัปดาห์นี้) ส่วนปัจจัยลบ ยังคงเป็น ความไม่มั่นในต่อการขึ้น ต่อเนื่องของดัชนีฯ เห็นได้จาก การร่วงลงของดัชนีฯ ถึง 10 จุดช่วงปิดการซื้อขาย และต่างชาติยัง คงไม่รีบกลับเข้ามาลงทุน อิงแนวโน้มการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจและผลกำไรบจ. (Downward Revision) สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ในช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนปิดงวดบัญชีกลางปี 2556 แนะนำ เก็งกำไรแบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3% หุ้น High Beta กลุ่มอสังหาฯ สื่อสารตัวเล็ก และหุ้นเก็ง กำไรขนาดเล็ก ที่ดิ่งลงมาแรงกว่า 30% ในช่วง 1 เดือนที่ผานมาจากแนวโน้มการทำราคาปิด ก่อนสิ้นงวดบัญชี Greed & Fear (การลดลงของดัชนีฯ รอบใหญ่เป็นเพียง Correction และระยะ สัปดาห์ คาดฟื้นตัวจากลุ้น Window Dressing) เราคงมุมมองที่ว่า การปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยรอบใหญ่รอบนี้ เป็นเพียง Correction ไม่ใช่เกิดจากแนวโน้มการเกิดวิกฤติหรือ Bear Market โดยความเสี่ยงต่ำสุดทาง ปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1232 จุด อิง PER11.24x หรือ Mean -0.5SD) ส่วนจุดพิจารณาเริ่ม ลงทุนอยู่ที่ 1316 จุด อิง PER 12 เท่า ส่วนระยะเวลาการรีบาวด์คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกค. (กลางเดือน) ปัจจัยบวกคือ 1.เศรษฐกิจในเขต Asia Ex-Japan ยังคงเติบโตสูงกว่าภูมิภาค อื่นๆ คาดเติบโต 6.1% ปีนี้และ 6.6% ในปีหน้า จากปีก่อน 6.2% 2.การลดมาตรการ QE3 คาด ว่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อตลาดรับรู้ ก็จะส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาใน เอเชียอีกครั้ง 3. เศรษฐกิจโลก คาดฟื้นตัวตั้งแต่ 2H56F กลยุทธ์ลงทุนระยะ 1 เดือนนี้ : ทยอยซื้อคืนเมื่อเกิด Panic Sell หรือ ช่วงกลางเดือน ก.ค. หุ้นแนะนำ 1.ซื้อ หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและปันผลสูง (Dividend Yield >4% และ % Upside to Target (BB Avg)>25% 13F EPS Growth >13%) TISCO AP KK SPALI TOP CPF TCAP BCP BECL SC BBL (ทยอยสะสมเมื่อดัชนีฯ เกิด Panic) 2. กลับมาเก็งกำไร หุ้นที่มี Beta สูง (จากเดิม ขาย) เพื่อลุ้นการทำ Window Dressing กลุ่มอสังหาฯ ไฟแนนซ์ ขนส่ง วัสดุก่อสร้าง บันเทิง โรงแรม หรือ หุ้นที่มี High Beta โดยหากอิงหุ้นที่คำนวณใน SET 100 Index เราพบว่า หุ้นที่มีความเสี่ยงขาลงสูงอิง Beta มากกว่า 1.4 เท่า (อิง Beta 6 เดือน) ได้แก่ MDX ITD UV CK LOXLEY STEC TRUE QH DEMCO GOLD BJC PF *Market Brief: วันอังคารที่ 25 มิ.ย. SET Index ปิดที่ระดับ 1384.63 จุด +20.54 จุด +1.51%d-d (กรอบสูงสุด-ต่ำสุด 1393.03 – 1338.81 จุด) ด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้นเป็น 5.55 หมื่นลบ.ท่ามกลางความผันผวนสูง โดย ดัชนีฯ ลงไปทำจุดต่ำสุดในช่วงภาคเช้า หลังหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิค 1350 จุด ก่อนที่จะรีบาวด์ในช่วงภาคบ่าย หลังตลาดหุ้นจีน พลิกกลับมาติดลบเล็กน้อย (จาก – 5%) กลุ่มอุ ตฯ ที่ปรับขึ้นสูงสุด คือ Bank +2.99% ICT +2.16% Food +2.12% ส่วนอุตฯ แย่สุด คือ Media -0.52% หุ้นขึ้นแรง ส่วนใหญ่มาจากาการซื้อคืนหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ INTUCH KTB CK TRUE AOT BGH BLAND CPF QH TMB SIRI PS *Volume Trade ตามกลุ่ม Investors: วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติ ขายต่อเป็นวันที่ 6 ด้วยวอลุ่มขาย -2.132 พันลบ.(รวม 6 วันขายสะสม -1.743 หมื่นลบ. และส่งผลสะสมทั้งเดือน มิ.ย. ขายสะสม -4..94 หมื่นลบ.) ส่วน พอร์ตโบรก กลับมาซื้อสุทธิ +1.235 พันลบ. (จากขายสุทธิ -1.16 พันลบ.) กองทุนในประเทศ ซื้อ ต่อเป็นวันที่ 4 อีก +2.495 พันลบ. (รวม 4 วันซื้อสะสม +6.8พันลบ. และสะสมทั้งเดือน +3.54 หมื่นลบ.) หุ้นแนะนำ ตามปัจจัยพื้นฐาน : หุ้นพื้นฐานดี : ระยะสั้นอาจเป็นลบจากเงินทุนไหลออก แต่น่าลงทุนสำหรับผู้ซื้อลงทุน 3 เดือนขึ้นไป ADVANC แนะนำ ทยอยขาย ราคาพื้นฐาน 276 บาท เราคาดปัจจัยทางฤดูกาล ผนวกกับต้นทุนที่สูงขึ้นจะกดดันให้กำไรสุทธิ 2Q56 ของ ADVANC ลดลง 5%QoQ แต่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2H56 เป็นต้นไป ตามการขยาย บริการ 3 จี บนคลื่น 2100 MHz หลังเพิ่มจำนวนสถานีฐานให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ภายใน สิ้นปี จากปัจจุบันที่ครอบคลุมเพียง 22 จังหวัด แม้เราคาด ADVANC จ่ายปันผลสูงถึง 6.44 บาท/หุ้น (อิงอัตราการจ่ายปันผล 100%) หรือคิดเป็นปันผลตอบแทน 2.5% ใน 1H56 แต่เนื่อง จากส่วนต่างระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันและราคาเป้าหมายยังแคบ ทำให้เรายังคงแนะนำ “ทยอยขาย Power Sector: Neutral การประกาศผู้ชนะประมูล IPP เป็นข่าวลบระยะสั้นต่อ EGCO GLOW ข่าว กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ เป็นผู้ชนะประมูล IPP รอบที่ 3 ของประเทศไทยแต่เพียงราย เดียว กำลังการผลิต 5,000 เมกกะวัตต์ ทำให้ข้อเสนอของ EGCO และ GLOW ตกไปในรอบ นี้ แม้ประเด็นข่าวดังกล่าวจะเป็นลบต่อราคาหุ้น EGCO และ GLOW แต่เรายังคงชอบ EGCO (ซื้อเก็งกำไร TP 167) มากกว่า GLOW (ทยอยขาย TP 75.5) จากการเปรียบเทียบเชิงมูลค่า หุ้นของ EGCO ที่ยังถูกกว่า และบริษัทยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าอีกมากในแผน งาน (1,726 เมกกะวัตต์) และโอกาสอื่น ๆ (จากโครงการประมูล IPP ในอินโดนีเซีย และ ดี ลอื่น) รวมทั้งศักยภาพการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมในประเทศไทย จากแผนพัฒนา กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นจากแผนเดิม BAY ราคาพื้นฐาน 40 บาท จากข่าว MUFG ซื้อกิจการ และเก็งกำไร TMB TP 3.20 เราคงแนะนำซื้อ BAY ด้วยราคาเป้าหมายปี 56 ที่ 40 บาท/หุ้น คิดเป็น P/BV เป้า หมาย 1.9 เท่า เรายังชอบ BAY จากการเป็นธนาคารชั้นนำที่มีธุรกิจรายย่อยโดดเด่น เรามองว่า หุ้นส่วนธุรกิจรายใหม่ในอนาคตที่น่าจะเป็นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) จะช่วย สร้างผลบวกต่อธุรกิจของ BAY ได้ในระยะยาว โดยเฉพาะจากฐานธุรกิจของญี่ปุ่นที่ค่อนข้างใหญ่ ในไทย นอกจาก BAY แล้ว เรายังชอบ TMB จากประเด็นการควบรวมกิจการ (M&A) เนื่องจาก หากดีลการซื้อกิจการ BAY แล้วเสร็จ จะเป็นแรงสนับสนุนด้านบวก (price catalyst) ต่อดีลการ หาพันธมิตรของ TMB (ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 56 อยู่ที่ 3.2 บาท/หุ้น) BTS แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.8 บาท เป็นหุ้น Dividend Play เราคาดกำไรของ BTS ในงวด 1QFY57 (เม.ย. – มิ.ย. 56) จะได้รับแรงหนุนจาก ปริมาณผู้โดยสารที่โตแข็งแกร่ง รวมถึงจากการเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อบนรถไฟฟ้า รวมทั้งสื่อบนห้างที่ขยายตัวดีในเดือน เม.ย. – พ.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ BTS จะรับรู้รายได้ พิเศษราว 11 พันล้านบาทจากธุรกรรม BTSGIF ในไตรมาสนี้ เราคงประมาณการกำไรปกติที่ 2.4 พันล้านบาท สำหรับปีการเงิน 57 (เม.ย. 56 – มี.ค. 57) และ 3.3 พันล้านบาทในปีการเงิน 58 (เม.ย. 57 – มี.ค. 58) เพิ่มขึ้น 46% และ 37% ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมาย (SOTP) ที่ 9.8 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อัตราปันผลตอบแทนปี FY57-58 (สิ้นสุด มี. ค.) เพิ่มเป็น 7% และ 8% ตามลำดับ ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” Banking Sector: Panic sale เป็นโอกาสซื้อสะสมหุ้น โดยเรายังเลือก KBANK, BBL และ KK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม ในระยะสั้นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารไทยน่าจะยังเผชิญแรงกดดันเชิงลบ จากกระแสเงินทุน ต่างชาติที่ยังคงไหลออกจากทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง (เราประเมินอาจลด ลงได้อีกราว -7% ถึง -11% หากอิงตามกรณีแย่สุดช่วงที่มีการยกเลิกมาตรการ QE2 และที่ ระดับ P/BV -0.5SD ตามลำดับ) แต่จากการที่ SETBANK ลดลงมาแล้ว -21% จากระดับสูง สุดของปีนี้ (มาซื้อขายที่ระดับ P/BV เฉลี่ย) เริ่มชี้ให้เห็นว่าอัตราเร่งของความเสี่ยงขาลงของ ราคาน่าจะเริ่มลดลง ดังนั้น เราจึงมองให้รอจังหวะที่ราคาหุ้นปรับลงแรงๆ และในภาวะตกใจขาย (panic sale) หรือเข้าใกล้ระดับกรณีแย่สุดที่เราประเมินไว้ข้างต้น อาจเป็นโอกาสในการเริ่ม ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว จากแนวโน้มกำไรของกลุ่มธนาคารยังโตโดดเด่น เมื่อเทียบ กับธนาคารในภูมิภาค รวมถึงจากงบดุลแข็งแกร่ง โดยเรายังคง BBL และ KBANK เป็นหุ้นเด่น PTTEP แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 181 บาท เร่งการผลิตน้ำมันจากโครงการมอนทาราใน 2H56: จากแผนเร่งการผลิตในแหล่ง มอนทารา (ถือหุ้น 100%) ดังกล่าวข้างต้น เราคาดปริมาณผลิตเฉลี่ยของแหล่งดังกล่าวจะอยู่ราว 10,000-13,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 56 (vs. คาดการณ์ปัจจุบันของเราที่ 23,000 บาร์เรลต่อ วัน) สะท้อนความเสี่ยงเชิงลบ -3% ถึง -4% จากคาดการณ์ปริมาณขายรวมในปี 56 ที่ 310,399 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (boe/d) แต่คาดจะถูกชดเชยจากการเร่งปริมาณ ขายจากแหล่ง S1 และ บงกช คิดเป็นสัดส่วน 10% และ 1 ใน 4 ของปริมาณขายรวมของ PTTEP ตามลำดับ ดังนั้น เราจึงคงปริมาณการขายรวมปี 56 ที่ 310,399 boe/d คาดกำไร 2Q56 อ่อนแอ: เราคาดกำไร 2Q56 อ่อนแอ QoQ หลักๆ มาจากการอ่อน ค่าของเงินบาท ซึ่งคาดจะทำให้อัตราภาษีแท้จริงเพิ่มสูงขึ้น (ทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าลง จะส่งผลให้ เกิดภาระภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เรายังคงประมาณการกำไรปกติของ PTTEP ที่คาดจะโตเฉลี่ย 8% ต่อปี ในปี 56-57 หลักๆ หนุนจากปริมาณขายสูงขึ้น (คาดโตเฉลี่ย +11% ต่อปี) ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันดิบดูไบ: เนื่องจากน้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วน ราว 40% ของปริมาณขายปี 56-57 จากการศึกษาของเราพบว่า ทุกๆ 5 เหรียญฯ/บาร์เรล ที่ น้ำมันดิบดูไบเปลี่ยนแปลง จะกระทบกำไร PTTEP 3.3-3.8 พันล้านบาท (5%) และกระทบราคาเป้าหมาย 9 บาท (~5%) อนึ่ง ตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยที่ 104.5 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล (vs. ประมาณการเราที่ 107 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปี 56 และ 109 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปี 57) ข่าวดี : 1. USA: รายงานเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้น นำโดยหุ้น กลุ่มเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 3.6 % ต่อเดือน ในเดือน พ.ค. หลังจากปรับขึ้น 3.6 % ในเดือนเม.ย. สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)/เคส ชิลเลอร์รายงานว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้น 12.1 % ใน เดือน เม.ย. ปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน และถือเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับ ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2006 สำ นักงาน Conference Board รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค สหรัฐพุ่งขึ้นจาก 74.3 ในเดือน พ.ค. สู่ 81.4 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม. ค. 2008 2. China: ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยวานนี้ว่า จะชี้นำอัตราดอกเบี้ยในตลาดสู่ ระดับที่สมเหตุสมผล และคาดว่าปัจจัยตามฤดูกาล ซึ่งเป็น สาเหตุที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาด อินเตอร์แบงก์พุ่งขึ้นอย่างมากนั้น จะค่อยๆลดผลกระทบลง ตลาดธนาคารเงาหรือตลาดการปล่อย กู้นอกระบบนี้มีขนาด 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยธุรกรรมที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาด นี้คือ สินเชื่อแบบ entrusted loan และตั๋วแลกเงินของธนาคารสินเชื่อ entrusted loan คือการ ที่บริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ แต่เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงคำสั่งห้ามการปล่อยกู้โดยตรงแก่บริษัท แห่งอื่นๆ บริษัทแห่งนั้นจึงกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้เงิน ดังกล่าวแก่ลูกหนี้ ที่เฉพาะเจาะจง โดยที่บริษัทเจ้าหนี้เป็นผู้กำหนดปริมาณเงิน, ระยะเวลา และอัตราดอกเบี่ยของ สินเชื่อนี้ ในขณะที่ธนาคารได้รับค่าธรรมเนียม จากทั้งสองฝ่าย โดยที่สิน เ ชื่อดัง ก ล่าวไ ม่ป ร า ก ฏ อ ยู่ใ น งบดุลบัญชีข อ งธน า ค า รตั๋วแลกเงินคือหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้และให้ กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยบริษัทหลายแห่งได้ซื้อตั๋วแลกเงินของธนาคาร และขายตั๋วแลกเงิน ดังกล่าว ออกไปเพื่อนำเงินสดบางส่วนมาใช้ในการปล่อยกู้ และนำเงินที่เหลือไปซื้อตั๋วแลกเงิน เพิ่มเติมอีก โดยการทำ เช่นนี้เป็นการรับประกันว่าทางบริษัทจะมีเงินทุนและรายได้อย่างต่อเนื่อง ปริมาณการปล่อยสินเชื่อ entrusted loan และการออกจำหน่ายตั๋วแลกเงินของธนาคาร พุ่งขึ้น กว่า 2 เท่า สู่ 1.6 ล้านล้านหยวน (2.61 แสนล้านดอลลาร์) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ โดยพุ่งขึ้น จาก 6.36 แสนล้านหยวนเมื่อหนึ่งปีก่อน รัฐบาลจีนกังวลว่า ตลาดธนาคารเงากำลังก่อให้เกิดภาวะ ฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์ และธนาคารกลางจีนได้ดำเนินมาตรการขัดขวางภาวะฟองสบู่นี้ในช่วง ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้วิธีปล่อยให้ตลาดเงินประสบภาวะขาดแคลนสภาพคล่อง และไม่ยอม อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาด ทั้งนี้ การประกาศช่วยผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนระยะสั้น ช่วย หนุน ดัชนีฮั่งเส็ง วานนี้ ปิดตลาด+ 41.74 จุด หรือ 0.2% สู่ระดับ 19,855.72 หลังจากปิดดิ่งลง 1.4% ในช่วงแรก ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงอย่างหนัก หลังจากทรุดตัวลงทดสอบระดับ ต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่งก่อนการแถลงข่าวของธนาคารกลางจีนที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเทรดเดอร์คาดหวังว่า ธนาคารกลางจีนและเจ้าหน้าที่จะจัดการกับภาวะปั่นป่วนในตลาด 3. กลุ่ม BRICS เตรียมผนึกกำลังรับมือผลกระทบหลังเฟดประกาศยุติ QE กลุ่ม BRICS จะตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการร่วมกันที่เกี่ยวข้องกับการแข็งค่าของดอลลาร์ในการ ประชุมที่รัสเซียในเดือน ก.ค 4. Bank: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ทบทวนแหล่งเงินกู้ สำหรับโครงการ รถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางบางใหญ่-บางซื่อ ระยะที่ 3 วงเงิน ราว 3.18 หมื่นล้านเยน โดยจะให้ เปลี่ยนมาใช้เงินกู้ภายในประเทศ 5. 4 แบงก์ใหญ่คว้าเงินกู้น้ำ 3.4 แสนล้าน สบน.ลงนามเงินกู้บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสน ล้านกับ 4 สถาบันการเงิน อายุเงินกู้ 1 ปี ดอกเบี้ย 3.8% เผยออมสินได้มากสุด 50% ของวงเงิน ส่วนที่เหลือมาจากแบงก์กรุงเทพ-กรุงไทย-กสิกรไทย 6. PTT: บมจ.ปตท. ผู้ประกอบการกิจการพลังงานรายใหญ่ของไทย อยู่ระหว่างการ ศึกษาตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หวังใช้เป็นเครื่องมือในการระดม ทุนเพื่อขยายงาน มีสินทรัพย์ ที่เป็นประโยชน์หลายอย่างที่สามารถนำมาทำได้ เช่น ท่อก๊าซฯ เพราะกองทุนนี้เป็นเครื่องมือทาง การเงินแบบหนึ่ง 7. MAJOR: บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผู้ประกอบการธุรกิจโรงภาพยนตร์รายใหญ่ สุดของไทย ปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็นโตไม่ต่ำกว่า 25-30% จากเดิมคาดไว้อยู่ที่ 10-15% เนื่อง จากไตรมาส 2/56 มีการเติบโตได้ดี โดยกำไรสุทธิและรายได้ในไตรมาสดังกล่าว จะดีกว่างวดปี ก่อนมาก นอกจากนี้ บริษัทมีแผนปรับขึ้นราคาตั๋วหนังปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 3% เขา กล่าวอีก ว่า ในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีโรงภาพยนตร์เพิ่มเป็นกว่า 500 โรง จาก 435 โรงในขณะนี้ ส่วนแผนการ ลงทุนในประเทศเมียนมาร์ คาดว่าปีนี้จะได้ข้อสรุป ข่าวร้าย : 1. กองทุน Trigger Fund แรงหนุนดัชนีเริ่มอ่อนลง - บจ.มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศ ไทย) เปิดเผยา กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่ออกมาขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (4 มิ.ย. 56) มี 63 กอง ทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมกัน ประมาณ 54,791 ล้านบาท เป็นกองทุนทริกเกอร์ที่ลงทุนใน ตลาดหุ้นไทยมากที่สุด 89.55% มี 51 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมกัน 49,068 ล้านบาท รองลงมาเป็นกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในตปท.10.25% จำนวน 11 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์ สุทธิ 5,616 ล้านบาท และกองทุนทริกเกอร์ที่ลงทุนในทองคำ 1 กองทุน มูลค่า 106 ล้านบาท โดยช่วงที่ออกมากที่สุด คือในไตรมาสที่ 1/56 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนทริกเกอร์ ทุกนโยบายรวมกันมากเกือบ 40,000 ล้านบาท ซึ่งดูจะเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจจากผู้ลง ทุนไทยพอสมควร ทั้งนี้มีกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทยถึงเป้าหมายปิดกองทุนไปแ ล้ว 13 ก อ ง ทุน มูล ค่า 17,660 ล้า น บ า ท เ ห ลือ เ งิน ล ง ทุน ใ น ข อ ง ก อ ง ทุน ท ริก เ ก อ ร์ฟัน ด์ใ น ต ล า ด หุ้นไทย ประมาณ 31,408 ล้านบาท ในขณะที่กองทริกเกอร์ฟันด์นโยบายอื่นยังไม่มีกอง ทุนไหนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นไทย ในช่วงตั้งแต่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยและหุ้นตก นับจากวันที่ 28 พ.ค. 2556 มีออก ทั้งหมด 9 กองทุน แต่จะสังเกตได้ว่าขนาดของกองทุนเล็กกว่าเมื่อตอนต้นปีมาก อาจเป็นเพราะ นักลงทุนยังไม่มั่นใจมากนักต่อสถานการณ์การลงทุน ประกอบกับหลายกองทุนที่ลงทุนมาตั้งแต่ ต้นปี ก็ยังทำผลตอบแทนได้ไม่ถึงเป้าหมาย มากไปกว่านั้นหลายกองทุนมีผลตอบแทนติดลบด้วย ซ้ำไป 2. ศาลปกครองนัดนั่งพิจารณาครั้งแรก สมาคมต้านโลกร้อน-ชาวบ้าน 45 คน ฟ้องล้ม แผนจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน นัดฟังคำพิพากษา 27 มิ.ย. เวลา 13.30 น.โดยคดีนี้นายศรีสุวรรณ นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้านรวม 45 คน ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี , คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ (กยน.) , คณะกรรมการ นโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กบอช.) และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และอุทกภัย (กบอ.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 คดีหมายเลขดำ 940/2556 เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและ หน่วยงานทางปกครอง กระทำการโดยมิชอบ 3. CPF: บริษัทได้ปรับลดเงินลงทุน 5 ปี ลงเหลือ 5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คาดว่า ยอดขายในปีนี้จะเติบโต 10% จากเดิมที่คาดว่าจะ โต 10-15% โดยในส่วนของยอดขายในประเทศน่าจะเติบโต 5-10% และในต่างประเทศโต 10-15% มีแผนปรับลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลงเหลือ 1 เท่า ในปี 57 จากปัจจุบันที่ระดับ 1.2 เท่า โดยจะมาจากการทำกำไรของบริษัท การปรับลดเงินลงทุน การขายหุ้นบางส่วนที่ไม่ใช่ ธุรกิจหลักออกไป และมีแผนขายที่ดิน เพื่อนำเงินดังกล่าวมาลดหนี้ Highlight: 1) ตัวเลขเศรษฐกิจ และ Events สำคัญ : วันนี้ : ไฮไลท์ จับตา USA 1Q56F GDP ครั้งที่ 3 คาดคงที่ 2.4%q-q saar , ฝรั่งเศส คาด 1Q56F GDP ครั้งที่ 2 คาดคงที่ -0.2%q-q sa /สิงคโปร์ คาด Industrial Production พค เติบโตลดลง (+0.1%y-y Vs +4.7%) วันพฤหัสบดี จับตา USA: Personal Spending พ.ค. คาดดีขึ้น (+0.3%m-m Vs - 0.2%) PCE Index พ.ค. คาดสูงขึ้น (+0.1% Vs -0.3%) /EU ประชุมสภายุโรป, Economic Sentiment เดือน มิ.ย. คาดดีขึ้น (90.5 Vs 89.4), UK รายงาน 1Q56F GDP ครั้งที่3 คาด คงที่ +0.3%q-q sa, ไต้หวัน ผลประชุมธนาคารกลาง คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.875% วันศุกร์ จับตา USA Chicago PMI มิ.ย. คาดลดลง (55 Vs 58.7) ไทย- Mfg Production เดือน พ.ค. คาดลดลง (-4.2% Vs -3.8%) Japan: Industrial Production พ. ค. คาดลดลง (+0.2% Vs +0.9%) 2.Earnings: Bloomberg Consensus ปรับเพิ่มประมาณการตลาดหุ้นไทยปี 56F เป็น 27% จากเดิม 25% และเมื่อเดือน มี.ค. ที่ 21% สะท้อนมุมมอง Optimistic เกินไปของ ตลาดหุ้นไทย ขณะที่เราคาดว่า โอกาสสูงที่จะมีการปรับลดประมาณการกำไรลง นำโดย -หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ จากแนวโน้มดอลล์แข็งและเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกว่าคาด -หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ จากแนวโน้มขาดทุนจากพอร์ต -หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าคงทน เช่น อสังหาฯ ฯลฯ จากความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นที่ลดลง -หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ จากผลกระทบของการยกเลิกจองซื้อโครงการรถคันแรก -หุ้นกลุ่มแบงก์ จากการปรับลดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจไทย และผลกระทบหากลดอัตรา ดอกเบี้ยฯ ทั้งนี้ KTZMICO ปรับลดเป้าหมายกำไรเติบโตปีนี้ลงเป็น 19% จากเดิม 20.9% และ คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่องในกลุ่มธนาคารฯจากดอกเบี้ยฯที่ปรับลดลง และกลุ่มพลังงาน หาก เศรษฐกิจจีนแย่กว่าคาดมาก 3) Global Momentum สรุปทิศทางตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดอัตราแลก เปลี่ยน วันที่ 25 มิ.ย. +ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นจากรายงานเศรษฐกิจที่ดีขึ้น DJIA ปิดที่ 14760.31 จุด +100.75 จุด +0.69%d-d Nasdaq ปิดที่ 3347.89 จุด +27.13 จุด+0.82%d-d ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1588.03 จุด +14.94 จุด +0.95%d-d ตลาด หุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ในวันอังคาร หลังจากข้อมูลบ่งชี้ว่า การลง ทุนทางธุรกิจและการฟื้นตัวของตลาดบ้านยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หุ้นทั้ง 10 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดบวก นำโดย หุ้นกลุ่มการเงินและพลังงานที่อ่อนไหวต่อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจำนวนหุ้นบวกมีมากกว่า 3 ใน 4 ในตลาดนิวยอร์ค ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 3.6 % ต่อเดือน ในเดือน พ.ค. หลังจากปรับขึ้น 3.6 % ในเดือนเม.ย. สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)/เคส ชิ ลเลอร์รายงานว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้น 12.1 % ในเดือน เม.ย. ปีนี้เ มื่อ เ ทีย บ กับ เ ดือ น เ ดีย ว กัน ใ น ปีก่อ น แ ล ะ ถือ เ ป็น อัต ร า ก า ร พุ่ง ขึ้น ค รั้ง ใ ห ญ่ที่สุด นับ ตั้ง แ ต่เ ดือ น มี.ค. 2006 สำนักงาน Conference Board รายงานว่า ดัชนีความ เชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 74.3 ในเดือน พ.ค. สู่ 81.4 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุด นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2008 +ตลาดหุ้นยุโรป พุ่งขึ้นจากประธานอีซีบี ส่งสัญญาณคงนโยบายกระตุ้นต่อไป ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6101.91 จุด +72.81 จุด +1.21%d-d ดัชนี DAX ของ ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7811.30 จุด +118.85 จุด +1.15%d-d ดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้น ฝรั่งเศสปิดที่ 3649.82 จุด +54.19 จุด +1.51%d-d ได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางจีน หลัง จากธนาคารกลางจีน แถลงว่า ทางธนาคารกลางจะไม่เข้มงวดมากเกินไปกับธนาคารพาณิชย์ ใน ขณะที่ธนาคารกลางจีนพยายามจำกัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ +ราคาน้ำมันดิบ ปรับขึ้นตามตลาดหุ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ปิดที่ $95.32/บาร์เรล +$0.14 +0.15%d-d และ Brent ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดที่ $101.26/บาร์เรล +$0.10 +0.10% เป็นผลจาก เทรดเดอร์ปรับสถานะการลงทุนในวันอังคาร โดยเข้าซื้อชดเชยชอร์ตเซลที่ทำไว้ใน วันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 99.67 ดอลลาร์ ในขณะที่การปรับขึ้นของตลาดหุ้น ช่วยพยุงราคาน้ำมัน -ราคาทองคำสหรัฐฯ ร่วงจากการย้ายไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงแทน ราคาสัญญาทองเดือน ส.ค. ปิดตลาดที่ $1275.10 ดอลล์ต่อออนซ์ -$2 -0.16%d-d จากตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ช่วยหนุนดอลลาร์ ให้แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน และตัวเลขนี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ราคาทองปรับขึ้นในช่วงแรก หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุในวันอังคารว่า PBOC จะ อัดฉีดเงินสดเข้าสู่ธนาคารแห่งใดก็ตามที่เผชิญกับภาวะขาดแคลนสภาพคล่องชั่วคราว และทาง PBOC ก็ได้จัดสรรเม็ดเงินให้แก่สถาบันการเงินบางแห่งแล้ว อย่างไรก็ดี นักลงทุนเทขายทองอีก ครั้ง และโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขยอดสั่งซื้อ สินค้าคงทนที่ดีเกินคาด
Posted on: Wed, 26 Jun 2013 03:54:51 +0000

Trending Topics




NOUSAKU BEER CUP L - Drink Cup Mug Japanese Handmade Artifact Made
Check out Sword Fights, Inc in our latest LootCrate Heroes video,
Imagine for ~LucyPayne Liam stares intensely at you as you pick

Recently Viewed Topics




© 2015