สารอันตราย ไฮโดรควิโนน - TopicsExpress



          

สารอันตราย ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นสารที่ถูกนำมาใช้ในการฟอกสีมานานหลายสิบปีแล้ว ก่อนหน้าที่จะถึงยุคของ Hydroquinone ก็มียาฟอกสีที่ใช้รักษาฝ้าหลายตัวซึ่งก่อให้เกิดอันตรายมาก เช่น สารปรอท สารเหล่านี้สามารถฟอกสีผิวจากดำให้ขาวได้อย่างรวดเร็วมากแต่ก็อันตรายมาก เมื่อใช้ไปสักพักมันจะฆ่าเซลสร้างสี ทำให้เกิดบริเวณผิวที่ทา ปราศจากเซลสร้างสี (Leukoderma) ผิวจะมีลักษณะขาวจั๊วเหมือนโดนน้ำร้อนลวก สารเหล่านี้จึงถูกยกเลิกไปในที่สุด กลไกการออกฤทธิ์ของ Hydroquinone ก็คือ ยับยั้งไทโรซิเนส เอ็นไซม์ (Tyrosinase enzyme) ซึ่ง Tyrosinase enzyme จะเป็นตัวเปลี่ยนไทโรซีน (Tyrosine) (เป็นกรดอะมิโนตัวหนึ่ง) ให้เป็นเมลานิน (Melanin) ซึ่งก็คือสีดำที่เป็นตัวการของฝ้านั่นเอง หลังจากนั้นก็มีสารฟอกสีตัวอื่นหลายตัวที่พัฒนาตามมา แต่ไม่สามารถเอาชนะ Hydroquinone ได้เพราะสารเหล่านั้นฟอกสีได้ไม่เร็วและไม่ชะงัดเท่า Hydroquinone ซึ่งแพทย์เองยังยอมรับว่า Hydroquinone เป็นสารฟอกสีที่ดีตัวหนึ่ง สามารถลด การสร้างสีของเซลสร้างสีได้อย่างชะงัดมาก โดยเฉพาะถ้าเรามาใช้ผสมกันกลุ่ม พวกวิตะมิน A (Vitamin A) และสเตอรอยด์ (Steroid) ผลิตภัณฑ์ที่ผสมเป็นสูตร 3 ตัวนี้ได้ผลชะงัดดีจริงๆ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ฝ้าจางลงแน่นอน แต่การใช้ Hydroquinone เป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสีย ผลเสียของ Hydroquinone มีมากและน่ากลัวไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อนำมาผสมกับ Vitamin A และ Steroid ที่เป็นสูตรยอดนิยม ในตำรับยารักษาฝ้า ผลเสียที่ตามมาก่อให้เกิดปัญหา ดังนี้ 1. เกิดสิว หลายคนที่ทายารักษาฝ้าจะเกิดสิว ซึ่งข้อเสียอันนี้จัดว่าธรรมดา ไม่น่ากลัวอะไรแค่พอรำคาญเท่านั้น 2. เกิด Rebound ก็คือการที่ฝ้าดำขึ้นกว่าเดิม ถ้ามีการหยุดทายาอย่างกะทันหัน นั่นเพราะเมื่อเรายับยั้ง tyrosinase enzyme โดยทายาที่มี hydroquinone มันจะทำให้สารตั้งต้นก็คือ tyrosine คั่ง ซึ่งทันทีที่หยุดทากะทันหัน จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม (เช่น ลืมทา ยาหมดยังไม่ได้มารับยาต่อ) มันก็ไม่มีตัวยับยั้ง tyrosinase enzyme ประกอบกับ tyrosine ที่คั่ง มันก็ถูกเปลี่ยนเป็น Melanin อย่างรวดเร็วและมากมาย ผลก็คือ "ดำปี๋" เพราะฉะนั้นหากมีแพทย์ที่ใช้ยาตัวนี้ จะเน้นเสมอว่า ห้ามลืมทายา ห้ามหยุดยาเอง ถ้าจะหยุดแพทย์จะค่อยๆ ลดยาให้ แต่ถึงอย่างไรแม้ว่าจะค่อยๆ หยุดยาก็ตาม ฝ้าก็จะกลับมาดำเหมือนเดิม 3. เกิดฝ้าเส้นเลือด (Telangiectatic Melasma) ซึ่งเกิดได้ทั้งตัว Hydroquinone เองและสารที่อยู่ในตำรับยารักษาฝ้ายอดนิยม เช่น Vitamin A และ Steroid นอกจากนี้ steroid เมื่อทานานๆ ก็จะเกิดผิวหนังฝ่อด้วย (skin atrophy) อาการฝ้าเส้นเลือดก็คือหน้าแดง เส้นเลือดบนผิวหนังขยายตัว ยิ่งโดนความร้อนหน้ายิ่งแดง แดงเป็นลูกตำลึงสุก เราจึงเห็นคนที่ทายารักษาฝ้ามาสักพักไม่นานเท่าไร จะเริ่มบ่นว่าหน้าแดงง่าย 4. เกิด Leukoderma คือเซลสร้างสีบริเวณที่ทายาเกิดการตาย เชื่อกันว่าเป็นเพราะเมื่อเรายับยั้ง tyrosinase enzyme จึงทำให้ tyrosine คั่งในเซลสร้างสี สาร tyrosine ปริมาณมากจะทำให้เซลสร้างสีตายในที่สุด อาการคือ ขาวจั๊วะเหมือนโดนร้อนลวก แพทย์จึงเตือนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีสาร Hydroquinone เป็นส่วนประกอบอยู่ หากยังใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ อยู่ก็จะต้องประสบในบั้นปลาย คือ ไม่หน้าแดงจากฝ้าเส้นเลือด ก็หน้าดำจาก rebound หรือไม่ก็หน้าเป็นรอยด่างขาว (leukoderma) จากเซลสร้างสีตาย ถ้าโชคดีหน่อย ใช้ยาได้ตามคำแนะนำของแพทย์ที่ดูแล ฝ้าก็ได้แค่จางลงในช่วงที่ทายาเท่านั้น หยุดยาเมื่อไรก็กลับมาดำแบบเดิมอีก เพราะการใช้ Hydroquinone ได้อย่างปลอดภัยนั้น มันใช้ได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ฝ้าเกิดจากเซลสร้างสีในบริเวณนั้นเกิดการกลายสภาพ (Differentiate) ไปเป็นเซลสร้างสี ที่มีการสร้างสีได้มากกว่าปกติแบบต่อเนื่อง (persist extra melanogenesis) ซึ่งเป็นผลมาจากการมีรหัส (code) การถอดรหัส (decode) แล้วเกิดผล(response) ตามมานั่นเอง จากความรู้นี้ทำให้วงการแพทย์ผิวหนังในปัจจุบัน ค้นพบนวัตกรรมล่าสุดเพื่อรักษาฝ้าและการลดสีผิว และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดการสร้างสีได้โดยไม่ต้องไปยุ่งกับ การยับยั้ง Tyrosinase Enzyme อีกต่อไป แต่หันมาทางการ Block code แทน ซึ่งปลอดภัยมากและถูกต้องตรงตามหลักทางชีววิทยา เพราะฉะนั้นปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าอย่างได้ผลและปลอดภัยไม่มีผลข้าง เคียง ผู้บริโภคจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสาร Hydroquinone ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายดังข้างต้น
Posted on: Thu, 20 Jun 2013 17:14:34 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015