เช้านี้ พี่กัสท์ - TopicsExpress



          

เช้านี้ พี่กัสท์ ฉี่ไม่ออก ม่าม้าเครียดจังเลย เย็นนี้ จะพาไปหาหมอนะลูก อดทนนะครับ กลัวจะเป็นแบบนี้ นิ่วและโรคทางเดินปัสสาวะในสุนัขและแมว ท่านใดเลี้ยงสุนัขหรือแมวแล้วพบว่า สัตว์เลี้ยงของท่านเคยมีปัญหาเรื่องระบบการขับถ่ายปัสสาวะ คงจินตนาการได้ว่า เจ้าสุนัขหรือแมวตัวนั้นมีประสบการณ์อันแสนเลวร้ายอย่างไร อย่างเช่น เมื่อแมวปัสสาวะไม่ออก เท่ากับแมวตัวนั้นกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเหลือแสนและทรมานสุดๆ ปัญหาความผิดปรกติของระบบทางเดินปัสสาวะอาจจะทำให้สัตว์บางตัวปัสสาวกระปิดกระปอย บางตัวปัสสาวะออกมามีเลือดผสม สัตว์บางตัวเมื่อปัสสาวะทีก็ต้องใช้เวลานั่งกันนานมากๆ บางตัวเจ็บปวดอย่างมากจนต้องร้องออกมาขณะปลดทุกข์ และที่อันตรายที่สุดคือ มีสัตว์บางตัวที่ปัสสาวะไม่ได้เลยซึ่งอาจจะส่งผลถึงขั้นสัตว์เสียชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือกว่าจะพามารักษาก็สายเสียแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากการสัตว์ปัสสาวะไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงานของไตของสัตว์เอง แล้วยังผลให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันตามมา ด้วยเล็งเห็นปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยงในประเด็นที่น่าวิตกนี้ Petgang จึงขอสัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร. รสมา ภู่สุนทรธรรม อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านเป็นสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคในระบบทางเดินปัสสาวะโดยเฉพาะโรคไตและโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะของสุนัขและแมว โดยอาจารย์จะกล่าวถึงเรื่องนิ่วและโรคทางเดินปัสสาวะในสุนัขและแมว อาการป่วยของสัตว์ วิธีการรักษา รวมทั้งแนวทางการป้องกันปัญหา Petgang : โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะมีโรคใดบ้าง รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่า โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะนั้นเกิดขึ้นกับสุนัขเพศผู้หรือเพศเมีย ถ้าเป็นปัญหาในทั้งสองเพศรวมกันก็จะมีโรคที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น โรคทางเดินปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอาจจะเป็นส่วนปลายหรือส่วนล่าง อันนี้เรานับจากสิ่งใดก็ตามที่ต่ำจากไตลงมา ยกตัวอย่างเช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบซึ่งเป็นได้ทั้งตัวเมีย และตัวผู้ ขณะที่มีอีกโรคหนึ่งที่อาจจะเป็นได้ในสัตว์เพศผู้ แต่เพศเมียไม่เป็น คือโรคต่อมลูกหมาก อันนี้เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์แล้วก็อาจจะมีต่อมลูกหมากอักเสบ ต่อมลูกหมากติดเชื้อ ต่อมลูกหมากขยายใหญ่ ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนผิดปรกติ เป็นต้น ทีนี้เมื่อเป็นโรคเกี่ยวกับระบบส่วนล่างทั้งหมดอาจจะเกิดจากสาเหตุโดยตรง คือความผิดปรกติของแต่ละส่วนเองหรือบางทีมีก้อนเนื้องอกจากช่องท้องมากดบริเวณกระเพาะปัสสาวะก็จะทำให้เกิดอาการดังกล่าวที่ระบบปัสสาวะส่วนล่างได้ Petgang : โรคที่อาจารย์ยกตัวอย่างเป็นปัญหาร้ายแรงหรือไม่ และอย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ปรกติแล้วหากสุนัขหรือแมวเป็นโรคในกลุ่มนี้แล้ว ถ้าเป็นระยะต้นๆ สิ่งที่เจ้าของสามารถสังเกตได้คือ อาจจะมีสีปัสสาวะผิดปรกติไป อย่างที่ทราบว่า สีปัสสาวะปรกตินั้นเป็นสีเหลือง ถ้าสีของปัสสาวะผิดปรกติอย่างเป็นสีเข้มขึ้น หรือมีเลือดปน หรืออาจจะเหมือนสีน้ำล้างเนื้ออย่างนี้ เป็นต้น สัตว์บางตัวปัสสาวะมีเลือดสดๆ เลย อันนี้เจ้าของจะทราบ กลุ่มนี้เจ้าของจะรีบพามา อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มที่ปัสสาวะจะมีสีเรื่อๆ ซึ่งเจ้าของจะไม่ทราบว่าผิดปรกติ มีสัตว์หลายๆ ตัวที่กว่าเราจะทราบก็เป็นมานานแล้ว คือเรื้อรังแล้ว จนกระทั่งบางตัวมันนานเกินมากก็ส่งผลไปที่ไตทำให้เกิดการติดเชื้อได้ และทำให้เป็นไตวาย สัตว์ฉี่ไม่ออก หรือมีนิ่วเล็กๆ ไปอุดตัน สัตว์ไม่สามารถฉี่ได้ เพราะมีการอุดตัน ไตมันก็วาย แล้วจะมีอาการตามมาอีกเยอะแยะไปหมดเลย สังเกตได้ไม่ยากถ้าเจ้าของดูแลได้อย่างใกล้ชิด คือการเลี้ยงที่อยู่กับเค้าอย่างเอาไปนอนด้วยกัน กินด้วยกัน เจ้าของจะสังเกตเห็นความผิดปรกติได้ชัด แต่ถ้าเป็นหมาไทยที่เค้าเลี้ยงตามบ้าน กว่าเจ้าของจะพามาก็เป็นเยอะแล้ว เพราะเค้าไม่ได้ใกล้ชิด Petgang : ภาวะไตวายที่มีสาเหตุสำคัญมาจากโรคนิ่วเกิดขึ้นได้อย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : นิ่วเป็นองค์ประกอบเหมือนกับหิน กล่าวคือ 70-80 เปอร์เซ็นต์แข็งเหมือนกับหิน เหมือนตอนสมัยที่เราเรียนหนังสือจะมีวิชาที่ทดสอบหิน เป็นลักษณะเดียวกัน แล้วก็มีหลายแบบมากเลย ส่วนสาเหตุของมันเองก็มีหลายประการอาจจะเป็นจากกรรมพันธุ์ เช่น หมาบางพันธุ์เป็นเยอะกว่าหมาอีกหลายสายพันธุ์ แมวบางพันธุ์ก็เป็นนิ่วเยอะ ตัวอย่างของหมาที่เป็นนิ่ว ได้แก่ พันธุ์ดัลเมเชียน พูเดิล ชิห์สุ ซึ่งพบว่าเกิดขึ้นบ่อย มิเนียเจอร์ ชเนาเซอร์อันนี้ก็ประจำ ปักก็มี ส่วนแมวก็มีเป็นบางพันธุ์เหมือนกัน อย่างเช่น พันธุ์เปอร์เซีย หิมาลายัน ท่านใดเลี้ยงไว้ก็ต้องทำใจ สักวันหนึ่งอาจจะต้องเป็นขึ้นมา ต้องสืบถามประวัติพ่อแม่ก่อนด้วย บางตัวพ่อแม่ก็เป็น ถ้าโยงไปถึงมนุษย์เราบางคนก็เป็นลักษณะนี้นะคะ คือมาจากกรรมพันธุ์ บางคนก็เป็นนิ่วบางชนิดเหมือนกัน แล้วก็มีนิ่วมีอีกหลายชนิดซึ่งก็มีหลายสาเหตุ Petgang : ขอทราบถึงสาเหตุหลัก รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ไม่มีสาเหตุหลัก แต่บอกได้ว่า เป็นหลายปัจจัยร่วมกัน ตัวอย่างเช่น สายพันธุ์เป็นปัจจัยเสี่ยงอันหนึ่ง ถ้าเป็นสุนัขดัลเมเชียน อาจจะบอกได้ว่า 3 ใน 4 ตัวอาจจะมีปัจจัยความเสี่ยงนะ ดัลเมเชียนจะเป็น แต่ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น มีความผิดปรกติของระบบเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะเพิ่มขึ้นมาทันที เพราะมันมีปัจจัยเสี่ยงอยู่แล้ว ส่วนแมวก็เหมือนกัน อย่างพวกบางพันธุ์ที่เมื่อสักครู่นี้กล่าวไปแล้ว ถ้ากินอาหารเม็ด กินน้ำน้อย ความเข้มข้นของปัสสาวะสูง ความเป็นกรดหรือเป็นด่างแต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน เป็นกรดมากไปจะเป็นนิ่วได้ มันขึ้นอยู่กับหลายอย่างไม่ใช่ว่า เป็น ก. แล้วจะเป็นได้ทันที ต้อง ก + ข + ค + ง อะไรอย่างนี้ ถึงจะเกิดขึ้นมา Petgang : โรคนิ่วมีกี่ชนิด และแต่ละชนิดเกิดจากสาเหตุใด รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ความผิดปรกตินั้นสามารถทำให้เกิดนิ่วได้หลายชนิด เช่น นิ่วในสุนัข และนิ่วที่เกิดในแมว ในสุนัขตรวจพบนิ่วชนิดต่อไปนี้ คือนิ่วแคลเซียมออกชาเลต นิ่วแมกนีเซียม แอมโมเนียม ฟอสเฟตหรือสตรูไวท์ นิ่วในกลุ่ม purine เช่น นิ่วที่มักพบในสุนัขพันธ์ดัลเมเชียน และนิ่วอื่นๆ ที่พบได้บ้าง แต่เป็นนิ่วที่พบได้ยาก เช่น นิ่ว Cystine และ Silica ส่วนนิ่วที่พบบ่อยในแมวในบ้านเรามักเป็นนิ่วแมกนีเซียม แอมโมเนียม ฟอสเฟตหรือสตรูไวท์ มีแมวบางพันธุ์เช่น พันธุ์เปอร์เซียหรือพันธุ์หิมาลายัน ที่เรามักจะตรวจพบนิ่วแคลเซียมออกซาเลต สาเหตุของการเกิดนิ่วมีได้หลายสาเหตุด้วยกัน และการเกิดนิ่วมักเกิดจากการที่สัตว์มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วได้ เช่น อายุ เพศ พันธุ์ของสัตว์ ชนิดอาหารที่สัตว์กิน การกินน้ำความเป็นกรด - ด่างของปัสสาวะ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนตัวสัตว์เอง ว่ามีน้ำหนักเกินหรืออ้วนหรือไม่ มีรายงานวิจัยทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยเองพบว่า สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว ที่อ้วนและมีน้ำหนักเกินปรกติมีโอกาสสูงมากที่เกิดโรคนิ่วตามมาได้ Petgang : โรคนิ่วแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : นิ่วแต่ละชนิดประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สำคัญ 4 ส่วน คือ 1. แกนกลางของนิ่ว (Nidus) เป็นบริเวณส่วนกลางสุดของนิ่ว ที่มักเป็นบริเวณที่เป็นจุดเริ่มของการเกิดนิ่วก้อนนั้นๆ 2. ส่วนที่เป็นตัวนิ่ว (Stone) เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของนิ่ว 3. ส่วนเปลือกนิ่ว (Shell) เป็นชั้นบางๆ ที่ห่อหุ้มตัวเนื้อนิ่วส่วนใหญ่อีกทีหนึ่ง 4. ส่วนนอกที่เป็นผลึกนิ่ว เป็นส่วนผิวชั้นนอกสุดของนิ่ว ที่อาจมีลักษณะเป็นผลึก ขรุขระที่เกิดจากการเกาะตัวที่ไม่สมบูรณ์ของผลึกนิ่ว การตัดสินว่า สัตว์เลี้ยงมีโรคนิ่วชนิดใดหรือไม่ ต้องมีการนำนิ่วที่ผ่าตัดได้มาทำการวิเคราะห์หาองค์ประกอบที่สำคัญของนิ่วนั้นๆ หากนิ่วที่ส่งตรวจมีองค์ประกอบของธาตุหรือสารชนิดใดชนิดหนึ่งมากกว่า หรือเท่ากับ 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เราถือว่าเป็นนิ่วชนิดนั้นๆ เช่น นิ่วแคลเซียมออกซาเลต แต่หากนิ่วมีองค์ประกอบของธาตุหรือสารน้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ทุกชนิด เราเรียกนิ่วชนิดนี้ว่าเป็น "Mixed urolith" ดังนั้น ความแตกต่างของนิ่วแต่ละชนิดที่ตรวจพบขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของตัวนิ่ว ว่าประกอบไปด้วยธาตุหรือสารอะไรเป็นสำคัญ นอกจากนี้นิ่วแต่ละชนิดมีขั้นตอนของการเกิดนิ่วที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นกับปัจจัยหลายๆ อย่างในตัวสัตว์เลี้ยงเอง เช่น ความเป็นกรด - ด่างของปัสสาวะ พบว่านิ่วในกลุ่มแมกนีเซียม แอมโมเนียม ฟอสเฟต มักเกิดในสัตว์ที่มีปัสสาวะเป็นด่าง ขณะที่นิ่วแคลเซียมออกซาเลต มักตรวจพบมากในสัตว์ที่มีปัสสาวะเป็นกรด เป็นต้น Petgang : วิธีการดูแลสัตว์ที่ป่วยเป็นนิ่วทำอย่างไร และควรให้สัตว์ปฏิบัติตัวอย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : การดูแลสัตว์ป่วยด้วยโรคนิ่วนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ประการคือ ตัวสัตว์ป่วยเอง และเจ้าของสัตว์ป่วย การรักษาและดูแลสัตว์ป่วยจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็เมื่อได้รับความร่วมมือจากเจ้าของสัตว์ป่วย และตัวสัตว์ที่ป่วยเอง ส่วนวิธีการดูแลมีดังนี้ คือ 1. สัตว์ตัวที่ป่วยเป็นโรคนิ่วควรได้รับการแก้ไขเพื่อที่จะสลาย หรือผ่าตัดเอานิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะ เพราะการเก็บนิ่วไว้จะก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบ และความเจ็บปวดแก่สัตว์เป็นอย่างมาก แต่กรณีที่สัตว์ป่วยเป็นนิ่วที่ไต อาจต้องนำส่งสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องผ่าตัดออกหรือไม่ 2. เมื่อทำการผ่าตัดหรือสลายนิ่วออกไปแล้ว ต้องมีการส่งนิ่วไปตรวจวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางห้องปฏิบัติการเสมอ เพราะนิ่วแต่ละชนิดมีสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างกัน 3. เจ้าของควรพาสัตว์ป่วยไปรับการรักษา และเฝ้าติดตามการนิ่วใหม่กับสัตวแทพย์ที่ดูแลเป็นระยะๆ 4. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดนิ่ว เช่น สัตว์ที่อ้วนอยู่ก่อนหน้าควรลดน้ำหนักลง 5. ปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เรื่องอาหารการกิน และการให้ยาสัตว์เลี้ยงอย่างเคร่งครัด 6. หลีกเลี่ยงการให้สัตว์เลี้ยงที่เคยเป็นโรคนิ่วกับอาหารเม็ดสำเร็จรูป หากมีความจำเป็นต้องให้อาหารเม็ด ควรมีน้ำให้กินตลอดเวลา 7. ดูแลเรื่องการกินน้ำ การปัสสาวะ และสิ่งแวดล้อมหรือบริเวณที่สัตว์ปัสสาวะ เช่น กระบะทรายของแมวที่ใช้ปัสสาวะควรสะอาดและเปลี่ยนทรายแมวบ่อยๆ 8. เจ้าของสัตว์ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปรกติที่สัตว์แสดงออก เช่น ปัสสาวะขัด ปวดเบ่งปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด โดยเฉพาะในนิ่วบางชนิดที่สามารถจะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะผ่าตัดหรือให้โภชนบำบัดที่สลายนิ่วไปแล้วก็ตาม นิ่วเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ แต่เจ้าของสัตว์ต้องมีความเข้าใจ ในกระบวนการเกิดนิ่วและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้สัตว์ป่วยกลับมาเป็นนิ่วได้อีก โรคนิ่วหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้สัตว์ปัสสาวะไม่ออก และมีอันตรายถึงชีวิตได้จึงมีความสำคัญมาก Petgang : มีข้อสงสัยกันมากว่า การให้น้ำที่ไม่สะอาดหรือน้ำประปา เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนิ่วได้หรือไม่ รศ.สพ.ญ.ดร. รสมา : สมัยก่อนเราชอบคิดกันว่า น้ำเป็นปัจจัยเสี่ยง จริงๆ แล้วไม่ใช่ น้ำเป็นปัจจัยที่ช่วยด้วยซ้ำ เพราะถ้ากินน้ำเยอะ ปัสสาวะดีๆ โรคนี้ก็จะน้อยลงไป อย่างแมวบางตัวที่เป็นนิ่ว หรือบางทีเป็นวุ้น แล้วพบว่าเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย บางทีเราต้องเปลี่ยนอาหารให้เป็นอาหารเปียกไปเลย จากอาหารเม็ดเป็นอาหารเปียก ไม่อย่างนั้นก็ต้องกินน้ำเยอะๆ อันนี้เจ้าของต้องหัดป้อนน้ำแล้ว ฉี่เยอะๆ ก็กำจัดความเป็นปัสสาวะเข้มข้น เพราะถ้ายิ่งเข้มข้นก็จะยิ่งเป็นนิ่วง่าย การกินน้ำเยอะๆ ก็จะทำให้ความเข้มข้นจางลง Petgang : โรคนิ่วเป็นเฉพาะในสุนัขกับแมว หรือเป็นในสัตว์ทุกประเภท รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : สัตว์อื่นก็เป็น กระต่ายก็มี วัว ควายก็ยังมีเลย แต่ละตัวก็เป็นแต่ละชนิดกัน ต้องดูกัน กระต่ายบางตัวเป็นเลือดก้อนโตเบ้อเร่อเลย ตรงนี้ก็เป็นนิ่วอีกกลุ่มหนึ่ง สัตว์กินพืชเนี่ยเกิดปัสสาวะเป็นด่าง แต่สัตว์กินเนื้อจะเกิดนิ่วในปัสสาวะเป็นกรด มีเยอะมากเป็น 10 ชนิด Petgang : อาหารที่เหมาะสำหรับสุนัขหรือสัตว์ตัวที่เป็นโรคนิ่วคืออาหารประเภทใด รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : เท่าที่ทำวิจัยหลายๆ แห่ง คือควรจะเป็นอาหารเปียก อาจเป็นอาหารกระป๋องก็ได้ อาหารปรุงเองก็ได้ที่มีปริมาณน้ำเยอะ ความชื้นเยอะ อย่างที่กล่าวไว้คือ ปัสสาวะยิ่งแห้ง ความเข้มข้นก็ยิ่งเยอะ ก็อาจจะเป็นนิ่วได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยง Petgang : กรณีที่พาสัตว์มารักษาโดยที่เจ้าของแจ้งว่า สัตว์เลี้ยงไม่กินอาหารเปียกหรืออาหารที่เป็นน้ำเลย อาจารย์แนะนำอย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : มีเยอะเลยค่ะ ก็แนะนำว่าให้เอาอาหารเม็ดไปแช่น้ำเพื่อให้มีความชื้น หรือให้กินอาหารเม็ดก็ได้ แต่ต้องป้อนน้ำตาม ซึ่งเจ้าของต้องมีส่วนร่วมมากเลย โรคนิ่วนั้นนอกจากต้องเป็นโรคที่เจ้าของต้องสังเกตแล้ว ในเรื่องของ การจัดการเป็นสิ่งสำคัญ หมอเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ส่วนใหญ่กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์คือเจ้าของหมดเลย เพราะเราต้องใช้การจัดการด้วย คือสัตว์บางตัวเป็นนิ่วเป็นแล้วเป็นอีก อย่างชเนาเซอร์ที่บอก 6 เดือน 7 เดือนมาอีกแล้วนะ บางตัวผ่าตัดเป็นครั้งที่ 7 ก็มี อย่างดัลเมเชียนนี่ประจำเลย ตรงนี้เจ้าของต้องเข้าใจ บางทีเจ้าของไม่มีเวลาเลยเค้าก็ทำใจลำบากนะว่าไม่ไหวแล้ว ต้องประคับประคองทั้งคนทั้งสัตว์ ต้องให้กำลังใจกัน ขณะที่บางคนซึ่งเค้าทำได้ก็เป็น 3-4 ปีแล้วนะไม่ได้มีอะไรขึ้นมา ก็ปรกติดี Petgang : ถ้าเจ้าของบางคนไม่ได้สังเกตปัสสาวะของสัตว์ จนกระทั่งสัตว์ถ่ายเป็นเลือด ถึงขั้นนี้แล้ว มันอันตรายรุนแรงแล้วหรือไม่ รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ขั้นแรกคือ ถ้าสัตว์เสียเลือดมาก มันย่อมแย่มาก อันที่สองคือ ถ้าเป็นหนักๆ เต็มกระเพาะปัสสาวะไปหมดเลย เค้าก็จะปัสสาวะไม่ออก ก็จะมีของเสียในร่างกายเยอะ ทีนี้ไตก็จะวาย เพราะไตเหมือนอุปกรณ์อันหนึ่ง หากมันเสียก็ไม่ใช่จะสามารถซ่อมได้ มีแต่ต้องเปลี่ยนถ่ายกัน ซึ่งทางสัตวแพทย์เราก็ไม่ได้ทำขนาดนั้นน้อยมาก คืออาจกล่าวได้ว่า ถ้าเป็นถึงขนาดนั้นโอกาสรอดก็จะมีน้อย เจ้าของอาจจะไม่สนใจ หมาส่วนหนึ่งที่ตายก็อาจจะเพราะโรคนี้ Petgang : วิธีการป้องกันและการแก้ไข สามารถทำได้อย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : วิธีป้องกันคือ ก่อนนำสุนัขมาเลี้ยง ควรถามเจ้าของเดิมก่อนว่า ตัวพ่อและตัวแม่สัตว์แข็งแรงดีไหม มีโรคใดไหม หรือเราต้องไปสังเกตที่ฟาร์มหรือที่บรีดเดอร์ หรือสืบค้นดูจากหนังสือว่า พันธุ์นี้มันมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไร เป็นนิ่วชนิดนี้อยู่เราก็ต้องพยายามหลบ ต้องไปปรึกษาสัตวแพทย์ หรือบางคนที่มีความรู้บ้าง ขอคำแนะนำว่าพันธุ์นี้ควรเลี้ยงอย่างไร เราก็กลับไปดูว่า คุณหมอแนะให้เลี้ยงอย่างไร แล้วถ้ามีอะไรที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น มีโอกาสที่จะเป็นนิ่วอยู่แล้ว ก็อย่าไปกินอาหารเม็ด และต้องกินน้ำเยอะๆ ถ้ากินอาหารเสร็จก็ดูว่าเค้ากินน้ำหรือเปล่า หากเค้าไม่กินเราก็ต้องป้อนน้ำ หมาบางตัวเกรงใจเราก็จะกลั้นปัสสาวะ จึงต้องปล่อยเค้าไปเดินบ่อยๆ ผู้ที่เลี้ยงชิห์สุต้องให้เค้ากินน้ำบ่อยๆ และพาเค้าไปฉี่ด้วย เป็นต้น อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วคือ ความอ้วน ถ้าสุนัขหรือแมวมีน้ำหนักได้ตามมาตรฐาน บางคนรักมากให้สุนัขหรือแมวกินช็อกโกเลต อันนี้ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ่วเข้าไปอีก ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการจัดการในการเลี้ยงดู อยากเสริมอีกนิดหนึ่งคือ บางท่านที่มีสัตว์เป็นโรคนิ่วไปแล้ว และเห็นว่าสัตว์มีอายุมากจึงไม่อยากพาไปผ่าตัดกลับปล่อยไว้จนหมาปัสสาวะเป็นเลือด จริงๆ มีอาหารบางชนิดที่มันกินไปแล้วละลายนิ่วบางชนิดได้ เราจะใช้ในหมาที่มีอายุมาก ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องเสี่ยงไปผ่าตัด ก็กินได้เหมือนกัน แต่ต้องไปตรวจก่อน หรือลองสังเกตว่าตัวไหนที่เป็นบ่อยๆ ปัสสาวะมีสีเปลี่ยนไป มีเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดทรายเท่ารังแค เราต้องคอยดู คือต้องละเอียดน่ะค่ะว่ามันผิดปรกติไหม เค้ายืนฉี่นานไหม ถ้าโดยปรกติเค้ายืนไม่นาน เราก็ต้องดูว่า เอ๊ะ! ทำไมวันนี้เหมียวยืนนานจังเลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า Petgang : กรณีของแมวซึ่งฉี่บนกระบะทราย เจ้าของจะมีข้อสังเกตได้อย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ถ้าแมวฉี่เป็นเลือดก็จะมีสีแดงเรื่อๆ ข้างบน หรือว่าถ้าเค้ายืนนานแสดงว่า เค้าต้องผิดปรกติแล้ว อันนี้ต้องสังเกตพฤติกรรม บางทีต้องอาศัยความใกล้ชิดกัน เช่น เวลาเปลี่ยนทรายให้แมวนอกจากต้องใส่ถุงมือเพื่อป้องกันโรคบางอย่างที่จะติดเชื้อจากแมวถึงคนแล้ว จำเป็นต้องหมั่นสำรวจด้วยว่า มันมีสิ่งใดผิดปรกติบนทรายให้เห็นไหม เช่นว่าสีสันมันเปลี่ยนไหม คนที่รักแมวมากๆ เค้าดูละเอียดมาก Petgang : อาจารย์อยากฝากเรื่องใดถึงผู้อ่านบ้าง รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา : ขอฝากถึงผู้เลี้ยงว่า ในการเลี้ยงสัตว์นั้นต้องหัดเป็นคนช่างสังเกต ต้องรู้เขารู้เราน่ะ ทุกสายพันธุ์ที่อาจารย์กล่าวไปแล้วทั้งหลายล้วนแต่เป็นพันธุ์ยอดนิยม ใครๆ ก็ชอบใครๆ ก็รัก ฉะนั้น อย่าดูที่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว ต้องดูด้วยว่า สักวันหนึ่งหากสัตว์เป็นโรคขึ้นมา เราต้องให้ความรักกับเค้าเหมือนเดิม เจ้าของบางคนพอตอนสัตว์เลี้ยงสวยๆ ก็เลี้ยงดีอยู่หรอก แต่พอเค้าเป็นโรคหน่อยก็ปล่อยปละจนทำให้โทรมไปเลย บางทีหมอเห็นก็ยังสงสารนะ ฉะนั้น ถ้าคุณจะรักก็ต้องรักให้ตลอด ตรงนี้ก็อยากจะพูดแทนสัตว์นะคะ
Posted on: Mon, 05 Aug 2013 02:06:27 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015