ผู้สื่อข่าวรายงานว่า - TopicsExpress



          

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.47 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.11/15 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน กังวลสภาพคล่องจีน จับตาปัจจัยการเมืองและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เลือกซื้อ 11 หุ้นเด่น ได้แก่ AI MONO TRUE KBANK KCE TCAP TUF AP BLAND SF และ STEC บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุน: SET พลิกกลับ โดยเฉพาะช่วง ATC ปิดกระโดดกว่า 3 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเมื่อวานยังไม่ได้สนับสนุนเท่าที่ควร ขณะที่การพลิกกลับชุดนี้ เรายังมองเป็นแค่รอบรีบาวน์ โดยมีแนวต้านระยะสั้นถัดไปที่ 1475 และจุดสูงเดิมที่ 1485 จุด ส่วนภาพรวม หลังจากนั้น SET มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ต่อ โดยมองเป้าหมายเบื้องต้นที่ 1400 จุด +/- กลยุทธ์ นักเก็งกำไร กลับมาเก็งกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Property ซึ่งคาดเป็นกลุ่มนำตลาดในช่วงรีบาวน์ ส่วนนักลงทุนให้รอการอ่อนตัวก่อน ด้านหุ้นแนะนำ ซื้อขายเก็งกำไรกลุ่ม Property ได้แก่ AP BLAND SF และ STEC บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ระยะกลางยังถือต่อ ขณะที่เทรดดิ้งเริ่มรอทำกำไรในกรอบที่กว้างขึ้นได้!! กลยุทธ์ : ถ้า SET ขยับขึ้นยืนเหนือ 1466 จุดได้ สำหรับการเทรดดิ้งก็สามารถรอทำกำไรในกรอบที่กว้างมากขึ้นได้ ขณะที่ส่วนลงทุนระยะกลาง-ยาว เรายังแนะนำถือเพื่อรอ 1540 จุดอยู่ หุ้นเด่นทางเทคนิค : VGI, AUCT, KTC (buy back) แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในเอเชียหลายแห่งเริ่มพลิกกลับมาปิดเป็นบวกได้ เช่นเดียวกับ SET หลังตัวเลขภาคการผลิตของจีนออกมาขยายตัวได้ดีเกินคาด และนักลงทุนต่างประเทศยังกลับมามียอดซื้อสุทธิอีกครั้งด้วยแม้ว่าจะยังไม่หนาตามากนัก แต่ก็ช่วยสร้างความมั่นใจในตลาดได้ ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนยังคงสดใสต่อเนื่อง เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนทั้งในสหรัฐและยุโรปที่ประกาศเมื่อคืนนี้ส่วนใหญ่ออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามั่นใจกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจด้านแรงงานของสหรัฐที่ออกมาซบเซาลง ยิ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าผลประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า(29-30 ต.ค.) จะยังไม่มีการปรับลดขนาด QE ลง ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET จะกลับมาแกว่งบวกต่อเนื่องอีกครั้งได้ อย่างไรก็ตามยังต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนและย้อนลงอยู่ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองในประเทศอยู่บ้าง แนวรับ 1460-1455, 1450-1446 จุด แนวต้าน 1475-1480, 1485-1495 จุด บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นวันนี้ : ขึ้นขาย ลงซื้อในกรอบ 1445-1480 โดยตลาดหุ้นไทยวานนี้ผันผวนในแดนลบ ก่อนจะมีแรงซื้อกลับในช่วงท้ายตลาด ทำให้ปิดตลาด SET บวกไปถึง 0.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ตลาดดาวน์โจนส์ได้อานิสงส์จากผลประกอบการของบริษัทรายตัว และมีแรงหนุนจากตัวเลขภาคการผลิตจีน ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบท่ามกลางความกังวลเรื่องสภาพคล่องในจีน สำหรับตลาดหุ้นไทยยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยการเมืองและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลังเริ่มเข้าสู่ฤดูผลประกอบการ โดยยังคงมองตลาดเคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideways อย่างไรก็ดีปริมาณซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ขณะที่ต่างชาติก็มีการซื้อในลักษณะที่เป็นซื้อสะสมทีละน้อย ดังนั้นกลยุทธ์ช่วงนี้ยังคงแนะนำการซื้อขายในกรอบ เน้นหุ้นผลประกอบการเด่น แต่จำเป็นต้องเฝ้าจับตาประเด็นการเมือง ให้แนวรับแรกที่ 1445 แนวต้าน: 1475-1485 แนวรับ: 1450-1440 บล.กสิกรไทย ระบุว่า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปจะปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการไตรมาส3/56 ของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง และตัวเลข PMIของจีนและยุโรปเดือนต.ค.ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และมีโอกาสผลักดันให้ SET Index ปรับขึ้นต่อ แต่ปัจจัยการเมืองในประเทศและความเสี่ยงจากแรงขายของ Trigger Fund ตลอดจนความกังวลว่าธนาคารกลางจีนอาจจะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น อาจกดดันให้การปรับขึ้นของดัชนีเผชิญความผันผวนสูงขึ้น ทำให้เรายังคงมอง SET Index แกว่งผันผวนในกรอบ1440-1500 จุด (โดยประเมิน downside ที่ 1400 จุด) ทั้งนี้ เรามองว่าการแกว่งหรือถอยลงเป็นโอกาสดีต่อการทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/56 เติบโตแข็งแกร่ง/ดีขึ้น (โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี) ปัจจัยอื่น(=) มติที่ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยังคงเดินหน้าใช้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายประยุทธ์ศิริพาณิชย์ / (=) คาด ธปท.ปรับประมาณการ GDP ปี 2556ลงจาก 4.2% (ส่งออกโต 4%) จะกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระดับจำกัด / (+/-)Consensus คาดส่งออกไทยเดือนก.ย.โต 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดเกินดุลการค้า 420 ลบ. หากตัวเลขออกมาสูงกว่าจะเป้นปัจจัยบวกต่อตลาดและกลุ่มส่งออก (อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ปิโตรเคมี) / (-) กลุ่มโรงแรม แบ่งขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นมาแรงจนเหลือ Upsideจำกัด และความกังวลต่อยอดนักท่องเที่ยวจีนที่อาจชะลอลงจากมาตรการ “Zero dollar tours” กลยุทธ์การลงทุน: “ขึ้นซื้อน้อยหน่อย ลงซื้อมากหน่อย” หลังดัชนีปรับขึ้นมาอยู่ตรงกลางของกรอบการซื้อขายที่ 1440-1500 โดยเรามองตลาดหุ้นช่วงสั้นเปราะบางต่อปัจจัยลบทั้งการเมืองและแรงขายจาก Trigger Fund ดังนั้น เลือกทยอยซื้อต่อยอดไม่ไล่ราคา และใช้การปรับถอยเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นใหญ่ เน้นกลุ่มธนาคาร (KTB SCB BBL) กลุ่มพลังงานและอสังหาฯ โดยแบ่งเงินออกเป็นหลายส่วนเพื่อทยอยซื้อหุ้นแนะนำ TCAP TUF สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (วันที่ 9 ก.ย.) เพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้น 10 % เป็น 70%เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังลดน้ำหนักไป 2 ครั้ง(เมื่อ22 ก.พ. และ 20 มี.ค.) โดยแบ่งสมดุลเพิ่มน้ำหนักในกลุ่ม External play (พลังงาน ปิโตรฯอิเล็กฯ) และบางส่วนในหุ้น Domestic เช่นกลุ่มธนาคารที่ปรับลดลงมามาก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงมุมมองต่อการลงทุนวันนี้เป็น “Neutral” เช่นเดิม ประเด็นการเมืองเป็นเพียงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลการประชุมของคณะกรรมาธิการต่อการพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ว่าจะนำฉบับใดเสนอต่อสภาฯ เพื่อพิจารณาวาระ 2 -3 ในต้นเดือน พ.ย. หากผลการประชุมออกมาเป็นกลาง เลือกฉบับของนายวรชัย เข้าเสนอแทน เชื่อว่าเงินลงทุนภายในประเทศจะกลับมาเร่งสะสมหุ้นไทยในต้นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ติดตาม ตัวเลขการส่งออก – นำเข้าเดือนก.ย.ของไทย หากการส่งออกสามารถขยายตัวสวนทางกับที่ตลาดคาด MBKET เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มธนาคาร ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า: การประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าจะคงวงเงิน QE เช่นเดิม พร้อมติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนก.ย. และการยื่นซองด้านเทคนิค ต่อการประมูลทีวีดิจิตอล MBKET ประเมินกรณีการเมืองยังคงต้องเฝ้าระวัง หากคลี่คลายลงในเชิงบวก SET INDEX รอบนี้มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,495-1,500 จุด ด้วยกระแสเงินทุนจากสถาบันภายในและต่างประเทศ กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” KBANK / KCE บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า คาด SET วันศุกร์ทรงตัวทางบวก เน้นเทรดหุ้นเล็กกำไรไตรมาส 3/56 โดดเด่น ปัจจัย i) SET แข็งกว่าที่คาดเล็กน้อย ด้วยแรงซื้อหุ้นใหญ่ท้ายตลาดวานนี้ อย่างไรก็ดีตัวเลขต่างชาติซื้อยังไม่ชัดเจนนัก ii) หุ้นโลกมีแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจจีน (Flash PMI เดือน ต.ค. ที่ออกมาเมื่อวานสูงกว่าตลาดคาดการณ์) iii) อย่างไรก็ดี คาด SET จะเผชิญแรงขายระหว่างวันในวันนี้ เพราะนักลงทุนส่วนหนึ่งจะลดพอร์ตก่อนการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 27 ต.ค. (และครั้งถัดไปวันที่ 6 พ.ย.) ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจไทย i) วันนี้ ก.พาณิชย์รายงานส่งออกไทย ก.ย. ตลาดคาดหดตัว 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ii) ธปท. ลดประมาณการเศรษฐกิจวันนี้ คาดไม่ส่งผลต่อ SET เพราะนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ปรับลดไปก่อนหน้านี้แล้ว หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ลงมาเก็บ AI, MONO, TRUE* จาก kaohoon
Posted on: Fri, 25 Oct 2013 03:03:43 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015