หุ้นที่น่าสนใจ PTTGC - - TopicsExpress



          

หุ้นที่น่าสนใจ PTTGC - เรามีมุมมองเชิงบวกจากการจัดประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ซึ่งมีข้อสรุปว่า ผลการศึกษาเหตุน้ำมันรั่วที่รายงานออกมาไม่พบความผิดพลาดที่เกิดจากการปฎิบัติงานของ PTTGC ขณะที่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมคาดจะฟื้นฟูได้ ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศลงทุนในระยะสั้น อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ปรับขึ้นหลังเราออกบทวิเคราะห์ (ผลตอบแทนเริ่มคุ้มค่าเทียบกับความเสี่ยง วันที่ 1 ส.ค. 2556) จนใกล้กับช่วงก่อนเกิดเหตุดังกล่าวที่ราคา 74 บาท แล้ว ดังนั้น ปัจจัยที่จะผลักดัน PTTGC ต่อจากนี้จะมาจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่เริ่มดูเป็นบวกมากขึ้น ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 81 บาท CPN - กำไรสุทธิใกล้เคียงกับที่คาด 1,427 ล้านบาท ลดลง 14% QoQ เนื่องจากโลว์ซีซั่นของธุรกิจโรงแรมและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าทนายและค่าใช้จ่ายในการเพิ่มทุน PP อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบ YoY กำไรยังเติบโตดี 22% YoY จากการเปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ อุบลราชธานี (เม.ย.) สุราษฎร์ธานี และ ลำปาง (เปิดเมื่อ 4Q55) ค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 1,499 บาท/ตารางเมตร/เดือน ขณะที่รายได้ธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นจากอัตราเข้าพักที่สูงขึ้น โดยรวมแล้ว CPN มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 46.7% จาก 44.3% ใน 2Q55 แนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย (DCF) เท่ากับ 68 บาท คาดกำไร 3Q56 เติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY เนื่องจากค่าเช่าเพิ่มขึ้น และ รับรู้รายได้เต็มที่จากโครงการอุบลฯ ส่วนในช่วง 4Q56 จะมีการเปิดโครงการใหม่ที่เชียงใหม่และหาดใหญ่ อีกทั้งคาดจะมีการบันทึกกำไรประมาณ 4-5 พันล้านบาทจากการขายสิทธิการเช่าที่ดิน (บางส่วน) และ สิทธิการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) ของโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เข้ากองทุน CPNRF เราจึงมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการ LH - คาด 4Q13 จะบันทึกกำไรพิเศษจาก Prop fund ในเบื้องต้นประมาณ 1.3-1.5 พันล้านบาท จากสินทรัพย์ในส่วนของ Terminal 21 (พื้นที่ศูนย์การค้า) มูลค่า 3000 ล้านบาท กำไรพิเศษนี้ ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการของปี 2556 ที่เราประเมินไว้ที่ 6,335 ล้านบาท TTCL - กำไร 2Q13 เท่ากับ 249 ลบ. เป็น New high เป็นผลจาก Margin เพิ่มขึ้นเกินคาด แนะนำ ซื้อ (มูลค่าเหมาะสม 51.20 บาท) TPIPL - ผลประกอบการไตรมาส 2/56 ฟื้นตัวได้ดีมีกำไรถึง 338 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท) เพิ่มขึ้น 245% จากไตรมาสก่อน และ ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 272 ล้านบาท ดีกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะมีกำไร 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ธุรกิจปูนซิเมนต์เป็นปัจจัยหนุน ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมียังคงขาดทุน ราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำว่า BV ที่ 33 บาท แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 19 บาท M - หุ้นใหม่ MK เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อหุ้น MK แต่ยังไม่มีคำแนะนำ และ มูลค่าหุ้นอย่างเป็นทางการ โดย MK จุดเด่น คือ 1) เป็นธุรกิจอาหารที่ไม่ต้องพึ่งฝีมือพ่อครัว (ลดความเสี่ยง) 2) รายได้ต่อหนึ่งใบเสร็จจะสูงกว่าร้านอาหารประเภทอื่น เพราะMKถือเป็นทางเลือกแรกๆของลูกค้า ที่มาเป็นกลุ่มหรือครอบครัว (สร้างรายได้) 3)ทุกห้างสรรพสินค้าจะมีร้าน MK และตั้งอยู่บนทำเลหลัก อีกทั้งยังมีทีมการตลาดที่มีความสามารถสูง (แบรนด์ติดตลาด) 4) เกิดการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับ ลูกค้าซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรกำไร ขั้นต้นไว้สูงถึง 66% 3 ปีติดต่อกัน จากเหตุผลข้างต้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ MK มีลูกค้าสูงถึง 3.4 ล้านคน และสามารถอยู่คู่กับคนไทยมานานถึง 25 ปี ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว (หลัง IPO ) 905.85 ล้านบาท, IPO วันที่ 15 ส.ค. 2556 ที่ราคา 49 บาท คิดเป็น PE 22.2 เท่า โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนจำนวน 185.85 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ซึ่งบริษัทจะได้เงิน ( สุทธิจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ) ประมาณ 9.1 พันล้านบาท สำหรับโครงสร้างรายได้ในปี 2555 บริษัทมีรายได้หลักมาจาก 1) MK และ MK GOLD 11,1263 ลบ ( 87% ของรายได้ทั้งหมด ) 2) YaYoi 1,595 ลบ. ( 12%ของรายได้ทั้งหมด ) หุ้นที่ผลการดำเนินงานดีเกินคาด GLOBAL - กำไรสุทธิ 2Q56 ดีกว่าที่คาด เท่ากับ 229 ล้านบาท ลดลง 23% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เติบโตถึง 53% YoY จากการที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งจากการเติบโตของยอดขายต่อสาขา (SSSG) 6.4% และ การเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา (ทำให้มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น 8 สาขาเมื่อเทียบ YoY) โดยรวมแล้วกำไรของ GLOBAL จะสูงกว่านี้ หากไม่ต้องบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 30 ล้านบาท เรามีมุมมองเป็นบวกต่อ GLOBAL จากแนวโน้มเติบโตระยะยาวจากการขยายสาขาเชิงรุกภายใต้การสนับสนุนของกลุ่ม SCC ส่วนการเปิดศูนย์กระจายสินค้าของ GLOBAL ใน 2Q57 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยลดระยะเวลาการเก็บสินค้าคงเหลือลง นอกจากนั้น การทยอยเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้กับ GLOBAL อย่างไรก็ดี จากอัพไซด์ที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย (DCF) ที่ 23 บาท เราแนะนำ Trading Buy SSI - ขาดทุน 465 ล้านบาท น้อยกว่าเราคาด แต่ส่วนใหญ่เกิดจากรายการพิเศษ ดังนั้น เรายังคงแนะนำ ขาย โดยเฉพาะ หากราคาหุ้นฟื้นตัวในระยะสั้น ประเมินมูลค่าเหมาะสม 0.45 บาท AOT – กำไรปกติออกมา inline แต่มีรายการพิเศษเพิ่มมา 400 ล้านบาท เป็นกำไรจาก cross currency swap ที่ทำระหว่างไตรมาส ไตรมาสหน้า operation น่าจะฟื้นได้จากผู้โดยสารโดย pattern จะฟื้น 5% QoQ แต่การสำรองโบนัสไว้ 6 เดือน (ปีแล้วจ่าย 7.5 เดือน) ขณะที่กำไร 9เดือนโตกว่า 120% เราว่าแรงกดจาก expenses นี้ยังสูง คงน้ำหนัก trading buy มุลค่าเหมาะสม 164 บาท หุ้นที่ผลการดำเนินงานตามคาด TRUE - 2Q13 มีผลขาดทุน 2645 ล้านบาท จากค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นมาก เพื่อพัฒนาคุณภาพในการให้บริการที่ดีขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวในระยะยาว ผลขาดทุนดังกล่าวถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วน ใน 2H13 มีโอกาสกลับมามีกำไรหาก IFF เกิดขึ้นได้จริง ดังนั้นจึงยืนยังคำแนะนำ Trading buy ราคาเหมาะสม 10.10 บาท TASCO - ไตรมาส 2/56 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 185 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.21 บาท) ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน 55% ในขณะที่พุ่งขึ้นจากปีก่อนถึง 90% ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ท่ามกลางภาวะผันผวนของ ราคาต้นทุนน้ำมันดิบ ราคาขายยางมะตอย และ อัตราแลกเปลี่ยน โดยในไตรมาส 2/56 มีผลขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 135 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกมีกำไรในอัตราแลกเปลี่ยนถึง 375 ล้านบาท ยอดขายยางมะตอยรวมเท่ากับ 8,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 2% แรงหนุนตลาดในประเทศ ในขณะที่ติดลบจากปีก่อน 11% ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาขายที่ปรับลดลง TASCO ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับกำไรครึ่งปีแรก 1 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2556 ที่ต่ำเพียง 9 เท่า ในขณะที่แนวโน้มในอนาคตจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 12 เดือน ข้างหน้า เท่ากับ 90 บาท TK - ประกาศกำไรสุทธิ 2Q56 ที่ 106 ล้านบาท หดตัวแรง 48%QoQ และ 39%YoY (ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ที่ 110 ล้านบาท) ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการเร่ง Write-Off ลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาด้านความสามารถในการชำระหนี้ และ NPLs ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 28.7% จากระดับ 30% ในช่วงก่อนหน้า เนื่องจาก Loans Yield หดตัวลงจากปัญหาหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยอดสินเชื่อยังคงขยายตัวได้ดี 3.2%QoQ (+5.7%Ytd) นอกจากนี้ NPLs ยังปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากการเร่ง Write-off ลูกหนี้ที่มีปัญหาดังที่ได้กล่าวมาก่อนหน้า เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 18.0 บาท LOXLEY - กำไรสุทธิอยู่ที่ 103 ล้านบาท ใกล้เคียงคาดที่ 112 ล้านบาท ลดลง 44% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 66% YoY กำไรสุทธิ 1H56 คิดเป็นสัดส่วน 38% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา รายได้อยู่ที่ 3,672 ล้านบาท (+2% QoQ, +8% YoY) อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 15.7% จาก 14.5% ใน 1Q56 และ 14.2% ใน 2Q55 และดีกว่าที่เราคาดที่ 154.5% แม้มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานของธุรกิจการค้า 21 ล้านบาท แต่ชดเชยได้ด้วยธุรกิจเทคโนโลยีและ ICT ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% QoQ แลพลิกจากขาดทุน 20 ล้านบาทใน 2Q55 คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท ด้วยวิธี SOTP WORK - กำไรสุทธิ 2Q56 ใกล้เคียงกับคาดการณ์ โดยลดลง 38% YoY เป็น 85 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจทีวีดาวเทียมขาดทุน เป็นผลจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากการผลิตรายการเพิ่มขึ้นและซื้อลิขสิทธิ์รายการเพื่อรองรับกับโทรทัศน์ดาวเทียมช่องใหม่และทีวีดิจิตอล ส่งผลให้ค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี กำไรของ WORK ฟื้นตัวถึง 159% QoQ เนื่องจากรายได้ธุรกิจโทรทัศน์เพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้เวลาโฆษณาสูงขึ้น รายได้ธุรกิจทีวีดาวเทียมเติบโตก้าวกระโดด จากช่อง Workpoint TV และ การเริ่มออกอากาศช่องใหม่ (ช่อง 6) ในเดือน พ.ค. อีกทั้งรายได้จากการรับจ้างจัดงานเพิ่มขึ้นจากมูลค่างานที่สูงขึ้น แม้คาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการแต่เรายังคงแนะนำ ซื้อ โดยคาดว่าผลประกอบการใน 2H56 จะฟื้นตัว และ เติบโตในเกณฑ์ดีในปี 2557 อีกทั้งเชื่อว่า WORK มีศักยภาพในการเข้าสู่ธุรกิจทีวีดิจิตอลซึ่งจะมีการประมูลใน 4Q56 จากการเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นด้วย Content ที่แข็งแกร่ง WORK ยังมีการเตรียมพร้อมด้านเงินทุนสำหรับการประมูลทีวีดิจิตอลโดยมีการกู้ยืม และ การงดจ่ายเงินปันผล 1H56 TTA – ขาดทุนปกติลดลงจาก 300 กว่า เหลือ 80 กว่าล้านบาท ไตรมาสถัดไปอาจเห็นกำไรปกติได้ จาก Mermaid ที่มี utilize สูง และเรือขุดลำที่ 2 เริ่มเข้ามาสร้างรายได้ แนะนำ ซื้อ SVOA - รายได้ลดลง 21% QoQ และ 32% YoY เป็น 1,533 ล้านบาท จากการลดลงของรายได้จากการขายอุปกรณ์ IT กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% QoQ และพลิกจากขาดทุน 14 ล้านบาทใน 2Q55 นอกจากนี้มีส่วนแบ่งกำไรจาก IT city จำนวน 3 ล้านบาท ฟื้นจากที่ขาดทุน 6 ล้านบาทใน 1Q56 แต่ลดลงจาก 10 ล้านบาทใน 2Q55 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% QoQ แต่ลดลง 14% YoY จากผลของกำไรจาก IT City ที่ลดลงเป็นสำคัญ เราคาดกำไร 3Q13 ดีต่อเนื่อง คงประมาณการ และคำแนะนำ ซื้อ มูลค่าเหมาะสม 4.6 บาท SMT - ขาดทุนปกติใกล้เคียงคาด โดย 2Q56 มีผลขาดทุนปกติที่ 82 ล้านบาท ใกล้เคียงคาดที่ 84 ล้านบาท ลดลงจากที่ขาดทุน 111 ล้านบาทใน 1Q56 และขาดทุน 128 ล้านบาท ใน 2Q55 เนื่องจากการใช้กำลังการผลิตยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน ที่ 55% ปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% เราคงประมาณการขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติในปี 2556 ที่ 251 ล้านบาท และพลิกเป็นกำไร 495 ล้านบาทในปี 2557 จากการการเปลี่ยนส่วนผสมผลิตภัณฑ์โดยเน้นการผลิต IC packaging มากขึ้นเป็นบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น และลดความเสี่ยงขาลงของธุรกิจ PC จาการผลิต HDD คงราคาเป้าหมายปี 2557 ที่ 10.60 บาท (อิง PER ที่ 9 เท่า) คงคำแนะนำ ซื้อ เพื่อความคาดหวังการ Turnaround ของผลประกอบการในปี 2557 CCET - กำไรสุทธิอยู่ที่ 227 ล้านบาท (-17% QoQ, -44% YoY) แต่หากพิจารณาที่กำไรปกติพบว่าโตโดดเด่น 229% QoQ และ 10% YoY ส่งผลให้กำไรปกติ 1H56 คิดเป็นสัดส่วน 41% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2556 ที่ 1,553 บาท เติบโต 2,533% YoY ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ต่ำเพียง 7 เท่า และต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 3.90 บาท ต่ำที่สุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เราทำการศึกษา ขณะที่จ่ายเงินปันผลระหว่างการ 0.08 บาท/หุ้น (XD 28 ส.ค.) คิดเป็นผลตอบแทน 2.8% ขณะที่เราคาดทั้งปีที่ 0.20 บาทคิดเป็นผลตอบแทน 7% สูงที่สุดในกลุ่มฯ จึงคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท (อ้างอิง PER ที่เพียง 11 เท่า) PYLON – กำไรดีตามงานในมือที่สูง และความสามารถในการกำหนดราคาได้ จากภาวะ shortage of supply ของผู้รับเหมา กำไร 1H ออกมาดี 2H มาร์จิ้นจะขยายต่อ จากงานที่เหลือเป็นงานรับเฉพาะค่าแรง คงน้ำหนัก
Posted on: Thu, 15 Aug 2013 02:30:01 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015