ดวงเมืองปฏิวัติ ไม่ใช่ดวงเมืองปฏิรูป ………………………….. สื่อหลายๆสื่อเอาคำทำนาย “ดวงเมือง”ของโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งออกทางรายการในช่อง “ทีนิวส์” ว่าวันที่ 8 ตุลาคม 2556 ดวงเมืองแตก รัฐบาลจะถูกโค่น ทางฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขานรับ อธิบายเป็นตุเป็นตะว่าใช่โดยไม่มีใครออกมาปฏิเสธ หรือ แม้แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรก็ออกมาโพนทะนาว่าวันที่ 8 ตุลาคม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอาจจะถูกโค่น มองจากรูปธรรมทั่วไปของรัฐบาลและรัฐสภาแล้วตามระบบของระบอบการเมืองชนิดนี้รัฐบาลและรัฐสภาไม่น่าจะล้มแน่นอน นอกจากลาออก ,ถูกรัฐประหาร หรือองค์กรอิสระเล่นงาน แต่ถ้ามองจากสถานการณ์รูปธรรมต่างๆที่โหรทำนายว่า “ดวงเมืองแตก” นั้น ถ้ามองตามหลักวิชาทางรัฐศาสตร์แล้วโหรก็น่าจะทำนายถูก แต่ก็ไม่น่ากำหนดเลยว่าวันที่ 8 ตุลาคม ดวงเมืองแตก ตามคำทำนายของโหร นั้น ซึ่งก็น่าจะใช่ เพราะการปกครองที่เป็นสาเหตุสำคัญหลัก ที่ทำให้บ้านเมืองและการปกครองไม่ทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ หรือปกครองแบบประชาธิปไตย การปกครองไม่เป็นธรรมนี้เองที่จะเป็นมูลเหตุของดวงเมืองแตก ตามคำทำนายของโหรและตามหลักการทางวิชารัฐศาสตร์ ซึ่งหากดวงเมืองแตกตามคำทำนายของโหร แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิชาทางรัฐศาสตร์เพื่อทำให้ดวงเมืองที่แตกมาเป็นปกติและเดินไปในทิศทางที่มั่นคง ซึ่งทางรัฐศาสตร์ นั้น มีทางเดียวที่จะแก้ไขได้ คือ การปฏิวัติ(Revolution) ไม่ใช่การปฏิรูป (Reform) เพราะว่าการปฏิรูป (Reform) มีด้วยกันเยอะแยะทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายพันธมิตรฯ ฯลฯ ต่างเสนอการปฏิรูป (Reform) การปฏิรูปจึงมีมากมายหลายรูปและส่วนมากก็คล้ายๆกัน แล้วก็ทำการปฏิรูปมามากแล้ว หลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยขึ้นหรือ ไม่ได้ทำให้หลักการ เป็นหลักการประชาธิปไตย(Principle of democracy ) แตกต่างจากการปฏิวัติ(Revolution) ที่มีหลักการเดียว เท่านั้น ไม่มีหลายหลักเหมือนการปฏิรูปทางการเมือง เพราะการปฏิวัติทางการเมือง คือ การทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน(Sovereignty of the people ) การปฏิวัติจึงเป็นทางเดียวที่จะแก้ไขบ้านเมืองเพื่อไม่ให้ดวงเมืองแตกหรือหลังเมื่อดวงเมืองแตกแล้วก็เปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ดีขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ดวงเมืองที่แท้จริงตามสถานการณ์แล้วเป็นดวงการปฏิวัติไม่ใช่ดวงปฏิรูป แล้วถ้าขืนไปทำปฏิรูปอยู่ก็จะทำให้บ้านเมืองแตกแยกและเสียหนักยิ่งๆขึ้น ปัญหาจึงอยู่ตรงนี้ คือ การปฏิวัติทางการเมือง หรือ การปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution ) การปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution ) นั้น ก็ชี้ขาดได้ด้วยทฤษฏีการปฏิวัติ(Theory Revolution ) ซึ่งการปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution ) เป็นการปฏิวัติที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ของประเทศเพราะการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ของประเทศ สิ่งที่ขาดไปในขณะนี้คือ ทฤษฏีการปฏิวัติ (Theory Revolution )ที่จะต้องแก้ไขให้ตก ซึ่งแตกต่างจากความเห็นของนายชวน หลีกภัย ที่ให้ความเห็นทางการเมืองตอนที่นายบรรหาร ศิลปอาชาไปหาเพื่อจะไปชวนทำปฏิรูปเมื่อวันที่วันที่ 19 ก.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้ประสานงานเวทีปฏิรูปประเทศ นายชวน กล่าวว่า “ตนได้ให้ข้อมูลถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอย่างนี้เพราะอะไร ซึ่งข้อมูลบางเรื่องนั้นนายบรรหารไม่มี สรุปว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับปัจจุบันเป็นสำคัญ ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ภาคปฏิบัติไม่ใช่ภาคทฤษฎี ฉะนั้นเมื่อพูดถึงการเมือง ผู้ปฏิบัติต้องยึดมั่นใจหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต้องมีความเคารพในอำนาจซึ่งกันและกัน ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการต้องไม่แทรกแซงในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” ซึ่งความเห็นของนายชวนเองก็ไม่ถูกต้องเพราะถ้าทฤษฏีหรือการแก้ไขทฤษฏียังไม่สามารถแก้ตกไปได้การปฏิบัติก็ไม่สามารถปฏิบัติไปได้เช่นกัน ตราบใดที่ยังแก้ไขทฤษฏีไม่ตกการปฏิบัติก็ล้มเหลว และข้อเสนอของนายชวน ไม่ถูกหลักการไม่สมกับฉายาที่ได้รับ คือ ยึดมั่นหลักการ แม้แต่นักคิดใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงต่างก็ให้แก้ไขที่ทฤษฏีก่อนทั้งนั้น แม้แต่หลักการของพระพุทธเจ้าเองก็ให้แก้ไขที่ทิฐิซึ่งเป็นภาษาบาลี ทฤษฏีในภาษาสันสกฤต ส่วนความคิดความเห็นเป็นภาษาไทย ปัญหาทฤษฏีหรือทิฐิจึงเป็นหลักการเบื้องต้นที่จะต้องแก้ไขก่อน ซึ่งพระพุทธเจ้าให้แก้ไขที่สัมมาทิฐิหรือสัมมาทฤษฏี การแก้ไขสัมมาทฤษฏีในทฤษฏีทางการเมืองของไทย คือ การปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution ) ปัญหาของประเทศไทยตามที่โหรทำนายไว้ว่าดวงเมืองแตกก็เพราะทฤษฏีและการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักการทางรัฐศาสตร์นี้เองเพราะมัวแต่จะไป “ปฏิรูปประเทศ ทั้งๆที่เป็นดวงปฏิวัติประชาธิปไตยจึงทำให้บ้านเมืองดวงแตก”
Posted on: Tue, 01 Oct 2013 07:26:46 +0000